นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง มอบนโยบายธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์)ควรเร่งขยายบทบาทเป็น"ธนาคารเพื่อการพัฒนา"สนับสนุนโครงการลงทุนภายในประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ พลังงานและพลังงานทดแทน โดยกระทรวงการคลังพร้อมเพิ่มทุนเพื่อให้ธนาคารมีความเข้มแข็งในการขยายภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย และการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ
ธนาคารจะต้องมีขีดความสามารถที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุนได้อย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและการพัฒนาของโดยการรุกสร้างโอกาสทางการค้า ลดปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ให้ผู้ส่งออกไทยสามารถรักษาตลาดการค้าเดิมควบคู่กับการบุกตลาดใหม่ได้
ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน เครื่องจักร และเทคโนโลยีการผลิตควรได้รับการส่งเสริม เพื่อใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าของไทยให้แข่งขันได้ในตลาดการค้าระดับบนทั่วโลก
ด้านนายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคาร ช่วงครึ่งแรกปี 52 มีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท โดยได้อนุมัติวงเงินใหม่สำหรับสินเชื่อและบริการประกันการส่งออกจำนวนทั้งสิ้น 13,372 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกและนักธุรกิจไทย และมีวงเงินสินเชื่ออยู่ในระหว่างการเจรจาลงนามในสัญญาอีก 12,992 ล้านบาท จึงคาดว่าทั้งปี ธนาคารจะนอุมัติสินเชื่อใหม่ได้กว่า 19,700 ล้านบาท
ยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ ณ มิ.ย. 52 มีทั้งสิ้น 46,214 ล้านบาท มีภาระผูกพันประกันการส่งออก 13,071 ล้านบาท และสินทรัพย์ 59,628 ล้านบาท สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 4,113 ล้านบาท คิดเป็น 8.84 ของเงินให้สินเชื่อ ขณะที่การแก้ไขหนี้มีผลสำเร็จ จำนวน 1,522 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่า ครึ่งหลังปี 52 NPL จะลดลงอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารได้เร่งขยายธุรกิจและบริการเพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤตการเงินโลกต่อผู้ส่งออกไทย โดยได้จัดทำโครงการประกันการส่งออก โดยลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐรวม 10 แห่ง เพื่อขยายบริการประกันการส่งออก (EXIMSurance) คุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศให้แก่ผู้ส่งออกที่เป็นลูกค้าของธนาคารนั้นๆ รวมทั้งช่วยให้ผู้ส่งออกมีโอกาสได้รับการขยายสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกรมธรรม์ EXIMSurance เป็นหลักประกันประเภทหนึ่งที่สามารถโอนสิทธิการรับค่าชดเชยสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้ และธนาคารยังคงพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออก
ธนาคารได้ปรับโครงสร้างการทำงานของสาขาและเปิดสาขาย่อยภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารออมสินตามแนวนโยบาย “1 สาขา 2 ธนาคาร" เพื่อใช้พื้นที่สาขาร่วมกันและความเชี่ยวชาญของกันและกันให้บริการทางการเงินและคำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการในย่านธุรกิจและแหล่งชุมชน โดยปัจจุบันธนาคาร มีสาขาย่อยเปิดให้บริการ ณ ที่ทำการสาขาของธนาคารออมสินรวม 3 แห่ง ได้แก่ สาขาย่อยบางรัก วงเวียนใหญ่ และอ้อมใหญ่ และในครึ่งหลังปี 2552 จะเปิดสาขาย่อยเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาย่อยติวานนท์ สาธุประดิษฐ์ จักรวรรดิ และสุราษฎร์ธานี