บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ความช่วยเหลือด้านการเงินที่ทางบริษัทได้รับจากรัฐบาลทั่วโลกจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันจะสามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน
แอนดี้ พาลเมอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายวางแผนการผลิตของนิสสัน กล่าวให้สัมภาษณ์กับว่า "ประสิทธิภาพในการทำกำไรจากรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันจะขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิต และความช่วยเหลือจากรัฐบาล ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเราในเรื่องต้นทุน เงินทุนหมุนเวียน และยอดขายรถยนต์ทั้งรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นที่กำลังจำหน่ายในปัจจุบัน ปัจจุบันต้นทุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 300-500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งงบประมาณส่วนใหญ่ทุ่มไปที่แบตเตอรี่ และนิสสันวางแผนที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 350,000 คันออกจำหน่ายทั่วโลกในปีนี้"
นิสสันมีเป้าหมายที่จะใช้เงินทุนมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาใช้ในการปรับปรุงโรงงานในมลรัฐเทนเนสซี เพื่อให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับการผลิตอย่างสอดคล้องกับไลน์การผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์รุ่นอื่นๆในปัจจุบัน นอกจากนี้ นิสสันยังได้รับอนุมัติเงินกู้จากรัฐบาลอังกฤษและโปรตุเกสในการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน แต่ทางบริษัทยังไม่เปิดเผยมูลค่าของเงินที่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้
ทั้งนี้ นิสสันจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในวันที่ 2 ส.ค.ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้มีรูปทรงคล้ายกับนิสสันทีด้า สามารถจุผู้โดยสารได้ 5 คน และขับได้ไกลถึง 100 ไมล์ (160 กิโลเมตร) เมื่อผู้ใช้ชาร์ตแบตเตอรี่เต็ม
บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของพาลเมอร์ว่า นิสสันมีศักยภาพสูงพอที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ราว 200,000 คันในสหรัฐ, 100,000 คันในยุโรป และ 50,000 คันในญี่ปุ่น นอกจากนี้ บริษัท เรโนลท์ เอสเอ ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าของนิสสัน วางแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐและญี่ปุ่นในปีหน้า และจะเริ่มจำหน่ายทั่วโลกในปี 2555