เงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าที่ 100 ต่อดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นปลีกตัวออกไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงในรูปสกุลเงินต่างประเทศ
ฮิโตชิ ยามาโมโตะ ซีอีโอของฟอร์ติส แอซเซท เมเนจเมนท์ โค ซึ่งเป็นแผนกธุรกิจของบีเอ็นพี พาริบาส์ เอสเอ กล่าวว่า "นักลงทุนต้องการทำธุรกรรม carry trade สกุลเงินเยนน้อยลง เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนมองว่าอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นจะยังทรงตัวอยู่ที่ระดับต่ำต่อไป แต่เมื่อธนาคารกลางในต่างประเทศเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น นักลงทุนจะกลับมาทำธุรกรรม carry trade ด้วยการกู้เงินเยนที่คิดดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงอีกครั้ง"
บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10:46 น.ตามเวลาโตเกียว เงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 94.57 ต่อดอลลาร์ จากระดับ 90.64 ต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้เมื่อเทียบกับ 16 สกุลเงินที่มีการซื้อขายกันในตลาด
โดยในปีนี้เงินเยนอ่อนค่าลงแล้ว 4.2% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองสกุลเงินที่ปลอดความเสี่ยง หลังมีกระแสคาดการณ์ในแง่บวกว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุค Great Depression เริ่มคลี่คลายลง
ยามาโมโตะกล่าวว่า "เศรษฐกิจในสหรัฐอาจขยายตัวได้ก่อนญี่ปุ่น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางญี่ปุ่น"
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยในบราซิลอยู่ที่ 8.75% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียอยู่ระดับ 3% เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีอัตราดอกเบี้ย 0.1% ส่วนสหรัฐมีอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.25%