ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือนมิ.ย.มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน หลังจากบริษัทรถยนต์ระงับการผลิตที่โรงงานหลายแห่ง
นักวิเคราะห์ 72 รายจากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่มีอายุการใช้งานนานหลายปีปรับตัวลดลง 0.6% หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ค. ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าที่ไม่รวมอุปกรณ์ด้านการขนส่งมีแนวโน้มย่ำฐานทรงตัวที่ระดับเดิมหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก่อนหน้านี้
โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอย่างเจนเนอรัล มอเตอร์ โค (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี ได้สั่งปิดโรงงานหลายแห่งในระหว่างที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อหวังลดต้นทุนและปรับลดสัดส่วนรถค้างสต็อกที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงที่บริษัทเผชิญวิกฤตยอดขายตกต่ำเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ยอดสั่งจองรถและชิ้นส่วนประกอบรถตกต่ำลง
อย่างไรก็ตาม แคททาพิลลาร์ อิงค์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับอุปสงค์ดีขึ้นจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งในและต่างประเทศที่เริ่มได้ผล โดยบริษัทรายงานผลกำไรไตรมาสสองที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะขยายตัวในอัตราเฉลี่ยที่ 1.5%
ฮาร์ม แบนด์ฮอลซ์ นักวิเคราะห์จากยูนิเครดิตกล่าวว่า "ยอดสั่งซื้อสินค้าจะเริ่มกลับมามีเสถียรภาพในช่วงครึ่งปีหลัง"
ด้านเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "ภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจจะเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ภาพรวมอุปสงค์และภาคการผลิตจะเริ่มส่งสัญญาณถึงความมีเสถียรภาพมากขึ้น"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าในเวลา 08:30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน