นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนที่ประเทศพม่าวันนี้เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอาเซียน 2010-2015 เพื่อความร่วมมือด้านพลังงาน(ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation:APAEC) ตามที่ไทยในฐานะประธานการจัดทำแผนเป็นผู้เสนอ ซึ่งจะเป็นกรอบความร่วมมือด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับแผนปฏิบัติการดังกล่าว ประกอบด้วย 1.แผนงานสายส่งไฟฟ้าอาเซียน(ASEAN Power Grid) 2.แผนงานการวางท่อก๊าซอาเซียน(Trans ASEAN Gas Pipeline)โดยเฉพาะการวางท่อเชื่อมต่อในแหล่งก๊าซที่มีความเป็นไปได้สูง เช่น แหล่งนาทูน่า ในอินโดนีเซีย, 3.ความร่วมมือด้านถ่านหิน ในการสนับสนุนให้ชาติในกลุ่มสมาชิกอาเซียนใช้เทคโนโลยีจากถ่านหินสะอาด ตลอดจนการวางมาตรฐานด้านราคา, 4.การประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน, 5.แผนการใช้พลังงานทดแทนในภูมิภาค 6.แผนปฏิบัติการรองรับในภาวะฉุกเฉิน และ 7.แผนความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์
รมว.พลังงาน เชื่อว่า แผนปฏิบัติการนี้จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการพลังงานร่วมกันมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท รวมทั้งช่วยผลักดันให้ชาติในอาเซียนลดการใช้พลังงานในภูมิภาคลง 8% และเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนในภูมิภาคได้ 15% รวมทั้งจะผลักดันให้อาเซียนได้เป็นศูนย์กลางพลังงานทดแทนในเอเชีย โดยพลังงานทดแทนที่คาดว่าจะมีศักยภาพสูงสุดในอนาคต ได้แก่ ไฟฟ้าพลังน้ำ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ
นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนยังได้เห็นชอบกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนและประเทศพันธมิตร ได้แก่ ความร่วมมือกับกลุ่มสหภาพยุโรป(EU) โดยเฉพาะการผลักดันด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งคาดว่า EU จะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในการส่งออกไบโอดีเซลในอนาคต
ความร่วมมือกับประเทศในชาติสมาชิกโอเปค ซึ่งประเทศไทยได้เสนอให้มีการประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับรัฐมนตรีและระดับผู้เชี่ยวชาญเรื่องสถานการณ์พลังงาน การพัฒนาตลาดน้ำมัน และเชื้อเพลิงชีวภาพ และความร่วมมือของอาเซียนที่จะสนับสนุนประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)เป็นสถานที่ตั้งขององค์กร IRENA หรือทบวงพลังงานทดแทนโลก ซึ่งเป็นองค์กรใหม่ภายใต้สหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่ง UAE มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเมืองหลวง กรุงอาบูดาบี ให้เป็นเมืองแห่งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคต