บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ไชน่า (GM China) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในจีน คาดว่า ยอดขายในจีนเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 70% เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนของรัฐบาลจีน ประกอบกับเศรษฐกิจจีนเองก็อยู่ในระหว่างการดีดตัวขึ้น
เควิน เวล ประธานจีเอ็ม ไชน่า กล่าวว่า ยอดขายในเดือนก.ค.น่าจะอยู่ที่ประมาณ 140,000 คัน แต่จะมีการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ซึ่งการให้เงินอุดหนุนเพื่อซื้อรถใหม่ในจีนทำให้ตลาดรถจีนที่กำลังขยายตัวเป็นที่หมายตาสำหรับบริษัทรถที่เผชิญกับดีมานด์ที่ดิ่งลงอย่างหนักในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น โดยจีเอ็มหวังว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไปจนถึงปีหน้า เพื่อพยุงยอดขายไม่ให้ดิ่งลง
บลูมเบิร์กรายงานว่า เวล กล่าวว่า เราหวังว่า รัฐบาลจะยังคงออกมาตรการกระตุ้นออกมาอีกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
จีนคาดว่า จะแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นตลาดรถรายใหญ่สุดในโลก หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ปรับลดการจัดภาษีค้าปลีกรถยนต์ขนาดเล็ก อีกทั้งยังให้เงินอุดหนุนในพื้นที่ชนบท เพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อรถ โดยจีเอ็มสามารถทำยอดขายได้ 38% ในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 814,442 คัน
ประธานจีเอ็ม ไชน่า กล่าวต่อไปว่า สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดว่า ยอดขายจะชะลอตัวลงแต่ไม่มากรัก โดยยอดขายรถโดยสารในจีนเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นถึง 48% แตะ 872,900 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติที่พุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2549
ทั้งนี้ จีนได้กลายเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับจีเอ็มหลังจากที่จีเอ็มต้องเข้าสู่ขบวนพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย ท่ามกลางสถานการณ์ยอดขายรถที่ร่วงลงอย่างมากในสหรัฐ โดยจีเอ็มวางแผนที่จะดูแลธุรกิจของบริษัทในต่างประเทศทั้งหมดจากจีน
นายเวล กล่าวว่า การทำธุรกิจในจีนของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายในสหรัฐ เนื่องจากบริษัทได้ใช้ทุนในท้องถิ่นของบริษัทเอง และบริษัทยังได้ผลิตรถในจีนร่วมกับบริษัท SAIC Motor Corp ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่สุดของจีน