เนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ รายงานว่า ราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนก.ค. เนื่องจากขาดแคลนอุปทาน หลังจากที่จำนวนบ้านสำหรับซื้อขายในตลาดมีจำนวนลดลง
โดยราคาบ้านโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 1.3% แตะ 158,871 ปอนด์ (260,000 ดอลลาร์) ในเดือนก.ค. หลังจากที่บวก 1% ในเดือนมิ.ย. ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่าราคาบ้านจะปรับขึ้นเพียง 0.2%
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ราคาบ้านยังลดลง 6.2% ถึงกระนั้นก็ยังลดลงน้อยสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว
รายงานดังกล่าวเป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อังกฤษอาจเริ่มฟื้นตัวแล้ว หลังเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบกว่า 30 ปี โดยในสัปดาห์หน้าธนาคารกลางอังกฤษจะตัดสินใจว่าจะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรต่อไปหรือไม่
"ราคาบ้านดีดตัวขึ้นมากในปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาและอัตราว่างงานจะพุ่งสูงก็ตาม" มาร์ติน กาห์เบอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเนชั่นไวด์ กล่าว "ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาบ้านสูงขึ้นคือการขาดแคลนบ้านที่จะขาย อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านอาจไม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว"
สตีเฟน นิคเคล อดีตคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษต้องสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3% จากเดิมที่เขาเคยคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ส่งผลกระทบต่อการสร้างบ้าน
ธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยว่า อัตราการอนุมัตสินเชื่อเพื่อบ้านในอังกฤษทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนในเดือนมิ.ย. และในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้น 1.3% แสดงให้เห็นว่าราคาบ้านทั้งปีนี้อาจสูงขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ร่วงลงถึง 16% เมื่อปีที่แล้ว
ในเดือนนี้ธนาคารกลางอังกฤษตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมโหวตไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้าซื้อสินทรัพย์ ทั้งนี้ ทางธนาคารจะตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 6 ส.ค.นี้ บลูมเบิร์กรายงาน