World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2552

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 30, 2009 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.ค.พุ่งขึ้น 5.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 347.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 162.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินดิ่งลง 2.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 213.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการการกลั่นน้ำมันลดลง 1.2% แตะระดับ 84.6%

-- ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 2.4% จากเดือนก่อนหน้านี้ ทำสถิติขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีผลผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเหมืองและโรงงานอยู่ที่ระดับ 81.0 จุด จากระดับพื้นฐานที่ 100 จุดในปี 2548 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบถึงระดับที่นักวิเคราะห์จากโพลล์เกียวโดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5%

-- ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 2 เดือน พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันข้างหน้า เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์กำลังสกัดกั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

-- ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลงหนักสุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซา และภาวะตกต่ำของอุปสงค์เครื่องบินพาณิชย์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวลดลง 2.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.6% และยังเป็นระดับที่ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพในหลายภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะเขตนอร์ธอีสต์และมิดเวสต์ ซึ่งทำให้เฟดคาดว่าจะช่วยหนุนภาคเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวขึ้นในปีนี้

-- บิล กรอส ผู้บริหารของแปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์ (PIMCO) กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก แนะนำให้นักลงทุนซื้อตราสารหนี้และหุ้นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและบริษัทในตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยนักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่าจะต้องเจรจาขอลดหนี้ (Haircut) จากเจ้าหนี้ เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐน่าจะขยายตัวที่ระดับ 3% มากกว่าที่จะขยายตัวที่ 5-7% เหมือนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา และคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

-- เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ดูแลเรื่องการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คาดว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกมีจำนวนสูงถึง 20-40% ของประชากรโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 พันล้านคน ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ จากยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ได้รับการยืนยันแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้อยู่ที่ 175,785 ราย และยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ 1,116 ราย

-- สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ รถบรรทุก และรถบัสในประเทศในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน ดิ่งลง 45.2% จากปีก่อน และการส่งออกทรุดลง 59.1% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่ตัวเลขการผลิตและส่งออกปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีแรก โดยผลผลิตยานยนต์ในประเทศรวมอยู่ที่ 3,321,651 คัน ลดลงจาก 6,059,185 คันในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การส่งออกอยู่ที่ 1,433,488 คัน ลดลงจาก 3,505,805 ในปีที่แล้ว

-- ซีเมนส์ เอจี กลุ่มบริษัทวิศวกรรมรายใหญ่สุดของยุโรป รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ที่ 1.3 พันล้านยูโร (1.8 พันล้านดอลลาร์) ร่วงลง 7% จากระดับ 1.4 พันล้านยูโรในปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจำกัดดีมานด์สินค้าหลายประเภท ตั้งแต่หลอดไฟไปจนถึงรถไฟความเร็วสูง ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิต

-- โซนี่ คอร์ป ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ของญี่ปุ่น รายงานผลขาดทุนสุทธิ 3.709 หมื่นล้านเยนในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ดิ่งลงอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเทียบกับผลกำไร 3.498 หมื่นล้านเยนในปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างและยอดขายที่ร่วงลงในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ

-- บริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรป เปิดเผยว่า รายได้สุทธิไตรมาส 2 ร่วงลง 67% แตะระดับ 3.8 พันล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัว นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ และผลกำไรจากการกลั่นน้ำมันที่ปรับตัวลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ