นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง พร้อมพิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชนในการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่นิติบุคคลเข้าซื้อจากภาคธุรกิจที่ออกหุ้นกู้มาระดมทุนเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน โดยจะเป็นแนวทางเดียวกับข้อเสนอในการยกเว้นภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หลังได้หารือกับผู้ประกอบการภาคเอกชนและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ
ปัจจุบัน นิติบุคคลจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยหุ้นกู้ในอัตรา 15% และต้องนำดอกเบี้ยที่ได้รับมารวมคำนวณหากำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 30%
ส่วนข้อเสนอให้ปรับลดภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากประจำนั้น คงจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะการที่รัฐบาลลดภาษีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ไม่เกิน 20,000 บาท/ปี เป็นการช่วยคนลดภาระผู้มีรายได้น้อยที่แท้จริง แต่การลดภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำอาจเป็นการช่วยผู้ที่มีรายได้มาก ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือที่ไม่ถูกจุด
ขณะที่แนวทางการระดมทุนของรัฐบาลด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพในตลาด ซึ่งขณะนี้สภาพคล่องในระบบยังมีเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการให้สถาบันการเงินของรัฐ เร่งปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ โดยปี 52 มีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อรวม 1.25 ล้านล้านบาท โดยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังได้ประชุมกับผู้บริหารสถาบันการเงิน เพื่อสรุปรายละเอียดเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 4 ส.ค.นี้
รมว.คลัง ยังกล่าวอีกว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 52 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ที่คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้จะทำให้รัฐบาลกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อชดเชยเงินคงคลังลดลง และเงินที่เหลือจะโอนไปใช้ในการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น