นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรปเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด อาจรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 ราว 600 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีรายได้ราว 7.72 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นสถิติที่ขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส หลังจากธนาคารตั้งสำรองบัญชีหนี้สูญเป็นวงเงินสูงถึง 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเอชเอสบีซีมีกำหนดจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้
ลีจ์ วู๊ดวิน นักวิเคราะห์จาก Fox-Pitt ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "ตลาดที่สำคัญของเอชเอสบีซีคือที่สหรัฐอเมริกา เพราะการตั้งสำรองหนี้สูญส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเอชเอสบีซีจะสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง และในช่วง 3 ปีที่แล้วเอชเอสบีซีได้กันสำรองหนี้สูญเป็นเงินสูงถึง 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะธนาคารได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการบริษัท เฮาส์โฮลด์ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ในปี 2546"
สตีเฟ่น กรีน ประธานเอชเอสบีซีกล่าวว่า เอชเอสบีซีรู้สึกผิดหวังที่ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการเฮาส์โฮลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งต่อมาได้ตั้งชื่อใหม่ว่า เอสเอสบีซี ไฟแนนซ์ เพราะนับตั้งแต่เข้าซื้อบริษัทแห่งนี้ เอชเอสบีซีก็ประสบปัญาด้านการเงินมาโดยตลอด และการตัดสินใจในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ของเอสเอสบีซี
บลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นเอชเอสบีซีพุ่งขึ้น 3.3% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นลอนดอนปีนี้ โดยมีมูลค่าตามตลาด 1.032 แสนล้านปอนด์ หรือ 1.70 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ