เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเป็นวันที่ 2 เมื่อเทียบกับเงินยูโรก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะร่วงน้อยลง ทำให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงและหันไปซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ซึ่งนับเป็นการอ่อนค่าติดต่อกันนานสุดในรอบ 5 ปี หลังจากที่อังกฤษเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ที่ยังทรงตัวในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจอังกฤษหลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว
ด้านเงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 12:10 น.ตามเวลาโตเกียว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4124 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4075 ยูโร/ดอลลาร์ และเคลื่อนไหวที่ 95.30 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 95.56 เยน/ดอลลาร์ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 1.6516 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6493 ปอนด์/ดอลลาร์
เงินเยนเทรดที่ระดับ 134.65 ยูโร/เยน จากระดับ 134.49 ยูโร/เยน ขณะเดียวกันก็ลดลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่ระดับ 78.94 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เยน จากระดับ 78.90 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เยน เพราะนักลงทุนต้องการถือครองสกุลเงินของออสเตรเลียที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า
นักวิเคราะห์กล่าวว่า "การรายงานข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคในหลายประเทศเริ่มแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกรอดพ้นจากภาวะตกต่ำแล้ว ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องการถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและหันมาเทขายเงินดอลลาร์และเงินเยน"