(เพิ่มเติม) "ดร.โกร่ง"มองศก.ครึ่งปีหลังหนักขึ้นอีกเหตุนโยบายรัฐหวังผลทางการเมืองเป็นหลัก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 31, 2009 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตรมว.คลัง เชื่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะหนักกว่าครึ่งปีแรก และจะหนักหนาต่อเนื่องไปถึงต้นปี 53 เนื่องจากมองว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจน้อยกว่าการเมือง โดยนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศออกมาใช้นั้นหวังผลทางการเมืองมากกว่าการหวังผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

"ผมขอสรุปว่า ครึ่งหลังปีนี้ อย่าถามเลยว่าเศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ ถามว่าเศรษฐกิจถึงพื้นหรือยังดีกว่า ประเทศอื่นเศรษฐกิจอาจจะจบเร็วกว่าเรา เพราะปัญหาเขามีน้อยกว่า แต่ของเรามีทั้งปัญหาการเมืองภายในที่ยังหาทางออกไม่ได้ และเท่าที่ดูปัญหาน่าจะลึกลงไปเรื่อยๆ"นายวีรพงษ์ กล่าว

โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ อัตราการนำเข้าของไทยที่ลดลงมากกว่าการส่งออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจไทยยังทำงานได้ต่ำกว่าระดับความสามารถทางการผลิตจริงที่มีอยู่ พร้อมมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเดินเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ในขณะที่ด้านการเงินกำลังเดินเข้าสู่กับดักสภาพคล่องที่แม้จะมีสภาพคล่องสูงในระบบแต่ไม่มีใครกล้ามากู้ไปใช้ลงทุน

นอกจากนี้ยังมองว่า การดำเนินนโยบายในหลายด้านของรัฐบาลยังขาดความชัดเจน ทั้งแผนการกู้เงินจำนวน 8 แสนล้านบาท, นโยบายการดูแลสินค้าเกษตร, นโยบายด้านการส่งออก ขณะที่นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนนั้น การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาระบุว่าไม่สามารถดำเนินการอะไรได้กับการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพราะส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินทุนไหลเข้านั้น นายวีรพงษ์ ยอมรับว่า การที่มีเงินทุนไหลเข้าถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีกับเงินทุนที่ไหลเข้ามาด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก

"จริงๆ แล้วเงินไหลเข้ามากก็ดี แต่ต้องมีการจัดการที่ดี ไม่อย่างนั้นต้นปีบาทอ่อน ผู้นำเข้าเจ๊ง พอปลายปีบาทแข็ง ผู้ส่งออกเจ๊ง รวมแล้วก็เจ๊งกันทั้งปี" นายวีรพงษ์ ระบุ

ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรจะดำเนินการคือ การให้น้ำหนักในการทำงานด้านเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง แม้จะยอมรับว่าถ้าปัญหาการเมืองยังไม่เรียบร้อย อาจจะยากที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ประสบผลสำเร็จ แต่ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับงานเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปี 53 ก็ยังเชื่อว่าจะหนักหนากว่าครึ่งหลังของปี 52 หากนโยบายการทำงานของรัฐบาลยังคงไม่มีความชัดเจนเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ดีหากมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็พร้อมที่จะปรับมุมมองทางเศรษฐกิจของตนใหม่



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ