กระทรวงพลังงานยืนยันยังยึดนโยบายผลักดันการใช้น้ำมัน E 85 เช่นเดิม โดยพร้อมที่จะทบทวนการขยายระยะเวลาชดเชยภาษีสรรพสามิตที่จะสิ้นสุดในปี 53 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตรถ Flex Fuel Vehicle(FFV) ในประเทศไทย
"หากบริษัทผลิตรถยนต์เห็นว่าระยะเวลาดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะจูงใจให้เกิดการผลิตรถยนต์ FFV ในประเทศได้มากพอ ทางกระทรวงพลังงานก็พร้อมที่จะพิจารณาประเด็นดังกล่าว" นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศชดเชยภาษีสรรพสามิตอัตรา 3% เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตรถยนต์ FFV ในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.52 ถึงสิ้นปี 53 ซึ่งกระทรวงพลังงานจะพิจารณาทบทวนการขยายระยะเวลาชดเชยภาษีสรรพสามิตในวันที่ 4 ส.ค.52
นายณอคุณ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีนโยบายการส่งเสริมการใช้น้ำมัน E 85 อย่างจริงจัง เพราะการใช้น้ำมัน E85 เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการพึ่งพาตนเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนการผลิตและการใช้เอทานอลเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
ขณะนี้ประเทศไทยมีโรงงานเอทานอลจำนวน 15 โรง รวมกำลังการผลิตเอทานอลวันละ 2.28 ล้านลิตร แต่มีความต้องการวันละ 1.2 ล้านลิตร ทำให้โรงงานเอทานอลไม่สามารถเดินเครื่องได้อย่างเต็มที่ การผสมเอทานอลสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 10 และ E 20 คิดเป็น 10 - 20% นั้น ไม่พียงพอที่จะช่วยประเทศพึ่งพาตนเองได้มาก จึงต้องเร่งส่งเสริมน้ำมัน 85 เพื่อจะได้มีการใช้เอทานอลในปริมาณมาก
"การส่งเสริมการใช้น้ำมัน E85 มีความสำคัญมาก กระทรวงพลังงานได้เสนอให้การส่งเสริมการใช้น้ำมัน E85 เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 19 พ.ย.51 ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้เร่งผลักดันการดำเนินงานอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าน้ำมัน E85 จะเป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับรถยนต์นั่งในอนาคตของประเทศไทย" นายณอคุณ กล่าว