นายพิชิต ภัทรวิมลพร ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 2/52 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/52 โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)แม้วาจะหดตัว 5.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็บวกขึ้นมาถึง 2% จากไตรมาสก่อน แม้ว่าเศรษฐกิจยังหดตัวแต่ถือว่าชะลอลง
"แม้เศรษฐกิจโดยรวมไตรมาส 2 ยังหดตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เครื่องชี้บางตัวปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 1/52 โดยเฉพาะผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเริ่มทรงตัว เช่นเดียวกับการส่งออกและนำเข้า แต่รายได้เกษตรกรที่หดตัวมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตและราคาพืชผลที่ยังหดตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการท่องเที่ยวหดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลของความไม่สงบทางการเมืองในช่วง เม.ย. เป็นสำคัญ"ธปท.ระบุ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวดีขึ้น เช่น ภาคอุตสาหกรรม การส่งออกและนำเข้า ขณะที่รายได้ภาคเกษตรยังไม่ดีจากผลภาวะเศรษฐกิจในและนอกประเทศหดตัว แต่เสถียรภาพภายในประเทศยังดี โดยเฉพาะดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการค้ายังเป็นบวก ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อต่ำ
นอกจากนั้น ยังพบว่าการบริโภคไตรมาส 2/52 เติบโตดีขึ้นจากไตรมาสแรก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการรัฐที่ใช้งบกระตุ้น 1.16 แสนล้านบาท ซึ่งจนถึงเดือน ก.ค.52 เบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 50% แต่งบประมาณลงทุนโครงการขนาดใหญ ๆ ยังไม่เกิด
นายพิชิต กล่าวว่า แนวโน้มการบริโภคในช่วงต่อไปจะดีขึ้นหรือไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจที่จะสามารถรักษาแรงส่ง(Momentum)ให้เหมือนกับช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงความต่อเนื่องของมาตรการรัฐและเศรษฐกิจโลก ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจโลกได้เร่งตัวขึ้นบ้างแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาสแรก ภาคอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเป็นบวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ย.51
"ถ้าเศรษฐกิจโลกไม่มีเหตุการณ์ใหม่มาช็อค แนวโน้มก็จะฟื้นตัวช้า ๆ ทำให้ Momentum เศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้นด้วย"นายพิชิต กล่าว
สำหรับการนำเข้าขณะนี้หดตัวตามการส่งออก ทำให้มีการเกินดุลการค้า แต่ตอนนี้การหดตัวของการนำเข้าลดลง ทำให้ดุลการค้าเกินดุลลดลงไปด้วย และเริ่มเห็นการเข้าสู่ขาดดุลหรือสมดุลมากขึ้น ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ธปท.สำรวจพบว่าเริ่มกลับเข้ามาอยู่ในระดับที่มีความเชื่อมั่นต่อเนื่องกัน 2 เดือนแล้ว แต่ภาคธุรกิจยังห่วงเรื่องการจ้างงานและเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าความไม่มั่นใจในปัญหาการเมืองลดน้อยลง จากที่เคยอยู่ในอันดับ 3 ลดลงมาเป็นอันดับ 4 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการคลายความกังวลลงแล้ว
ธปท.ระบุ อีกว่าการใช้กำลังการผลิตของภาคธุรกิจยังมีเหลือ แต่ความเชื่อมั่นมีไม่สูงมาก เพราะการนำเข้าสินค้าทุนยังติดลบ ขณะที่สินค้านำเข้าบางตัวถ้าเทียบไตรมาส 1/52 หลายตัวบวกขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ความต้องการรวมเริ่มเห็นสัญญาณการกลับทิศ การอุปโภคบริโภคลงทุน ส่งออกนำเข้า และการใช้จ่ายภาครัฐเร่งตัวพอสมควร การนำเข้าน้ำมันเร่งตัวขึ้น
"ปลายปีส่งออกอาจจะเป็นบวก เพราะการผลิตเพื่อการส่งออกเร่งตัวขึ้น เทียบที่ติดลบในเดือน พ.ค. หลังจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ก็จะทำให้ส่งออกไทยเติบโตขึ้น แต่ต้องรอปีหน้าถึงจะเป็นบวกจริง ๆ แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ strike ปลายปีนี้อาจเห็นตัวเลขใกล้เป็นบวก"นายพิชิต กล่าว
ขณะที่การว่างงานในช่วงต้นปีนี้สูงมากเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน แต่ตอนนี้การว่างงานเริ่มลดลง เริ่มเข้าสู่แนวโน้มเท่ากับการจ้างงานเมื่อ คนที่เข้ามาทำงานต่ำกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เริ่มปรับตัวดีขึ้น