บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp : FDIC) รายงานว่า ทางการสหรัฐได้ดำเนินการยึดกิจการธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่งในประเทศ ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยและอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้จำนวนธนาคารที่ถูกยึดในสหรัฐปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 69 ราย และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นอีก
FDIC ระบุว่า ธนาคาร 5 แห่งที่ถูกยึดครั้งสุดได้แก่ มิวชวล แบงค์ ออฟ ฮาร์วีย์ ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งสินทรัพย์ 1.6 พันล้านดอลลาร์, พีเพิลส์ คอมมูนิตี้ส์ แบงค์ ในรัฐโอไฮโอ มีทรัพย์สิน 05. ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีธนาคาร เฟิร์สท์ แบงค์อเมริกาโน ในรัฐนิว เจอร์ซี, อินทริกิตี้ แบงค์ ในรัฐฟลอริด้า และเฟิร์สท์ สเตท แบงค์ ในรัฐโอกลาโฮมา
บลูมเบิร์กรายงานว่า จำนวนธนาคารที่ประสบปัญหาการเงินที่ระบุในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวังของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลได้เรียกร้องธนาคารต่างๆ หรือแม้แต่ธนาคารที่แข็งแกร่งที่สุด ให้พิจารณาระงับหรือลดการจ่ายเงินปันผลเพื่อรักษาฐานเงินทุน โดยนางเชลา แบร์ ประธาน FDIC กล่าวว่า นับเป็นเรื่องไม่สมควรที่ธนาคาร ที่ไม่สามารถทำกำไรบางแห่งได้จ่ายเงินปันผลในปี 2008 และได้เรียกร้องธนาคารต่างๆให้รักษาฐานะเงินทุนเอาไว้
แอนดรูว์ คูโม อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กเปิดเผยว่า ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค และสถาบันการเงินอีก 7 แห่งของสหรัฐที่ขอรับความช่วยเหลือจากโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) มูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐนั้น ได้จ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานในปี 2551 รวมทั้งสิ้น 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์