บรรดานายจ้างในสหรัฐอาจปลดพนักงานน้อยลง ขณะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ช่วยส่งสัญญาณให้เห็นว่า สหรัฐกำลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดของวิกฤตการณ์เศรษฐกิจครั้งใหญ่นับตั้งแต่ยุค Great Depression
ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในเดือนก.ค.จะลดลง 325,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนัก 467,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.แต่คาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.6%
นักวิเคราะห์จากบริษัท RDQ Economics กล่าวว่า "แม้นายจ้างจะปรับลดจำนวนพนักงานน้อยลง แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดแรงงานของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะเดียวกันตลาดจะยังเผชิญแรงกดดันต่อไป"
ทั้งนี้ สหรัฐต้องสูญเสียแรงงานในระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 6.5 ล้านตำแหน่ง นับตั้งแต่ประเทศเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำในเดือนม.ค. 2550 ซึ่งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนมิ.ย.พุ่งสู่ระดับ 9.5% ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526
อย่างไรก็ตาม รายงานการขยายตัวทางเศรษฐกิจเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบ่งชี้ให้เห็นถึงกระแสคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในไตรมาสนี้ โดยผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสสองหดตัวลงในอัตรา 1% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% และน้อยกว่าที่ติดลบ 6.4% ในไตรมาสก่อนหน้า
ด้านโจเอล นารอฟฟ์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Naroff Economic Advisors Inc "ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐเริ่มทุเลาลง เราคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มหดตัวน้อยลงในไตรมาสที่ 2 และจากนั้นจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น โดยเฉพาะยอดขายบ้านที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันถึง 3 เดือน นอกจากนี้ ความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกจะช่วยให้ยอดส่งออกของสหรัฐกระเตื้องขึ้น และจะทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น"
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานประจำเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์ที่ 7 ส.ค.นี้ ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน