นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการลงทุนต่อเนื่องตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2(SP2) โดยคาดว่าน่าจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ใน 3 สัปดาห์ และเม็ดเงินเข้าระบบราวเดือน ต.ค.52 ซึ่งการลงทุนของภาครัฐจะช่วยลดแรงกดดันที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า แม้ว่าจะไม่ได้มีผลให้บาทอ่อนค่าได้
"วันนี้การบรรจุรายละเอียดข้อมูลโครงการลงทุนภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ รอรายงานล่าสุดที่จะเข้าสู่ระบบ E-Budget ครบ 100% วันนี้ หลังจากนั้นสำนักงบประมาณจะได้อนุมัติงบประมาณภายใน 3 สัปดาห์จะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และทุกโครงการจะเข้าสู่การประมูลที่เม็ดเงินจะเข้าระบบเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมนี้" นายกรณ์ กล่าว
ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว โดยเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้วซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 1 ที่ออกมาในเดือน เม.ย.52 ที่เริ่มเห็นผลทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2/52 โดยเห็นได้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเกือบทุกหมวดดีขึ้น และจากการที่ได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ทั้งหอการค้า บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโดยรวมเป็นบวก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาค
"เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มีสัญญาณที่ดีขึ้นแต่อย่าเพิ่งตื่นเต้น เพราะเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาแก้ไข...ตัวเลขเศรษฐกิจทุกหมวดดีขึ้น เช่น สินค้ารถยนต์มีคำสั่งซื้อมากขึ้น โดยความต้องการรถยนต์ไตรมาส 4/52 มีสูงขึ้นเท่ากับไตรมาส 1/51 ที่เศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่วิกฤติ การส่งออกดีขึ้นในหลายอุตสาหกรรม การบริโภคในประเทศปรับดีขึ้นใน มิ.ย. และไตรมาส 2/52" รมว.คลัง กล่าว
สำหรับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อช่วยเรื่องการส่งออกนั้น รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะกู้ยืมเงินในประเทศ เพื่อใช้ในการนำเข้าสินค้าทุกและวัตถุดิบเพื่อใช้ในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง(SP2) ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินได้ และเป็นเหตุผลที่รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินตาม พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้การเดินหน้าโครงการลงทุนตาม SP2 จะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่าคาดหวังที่จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง เนื่องจากโครงการลงทุนส่วนใหญ่ยังคงใช้สินค้าทุนที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก แต่เห็นว่า เงินบาทจะอ่อนค่าลงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากเศรษฐกิจดีขึ้นจะมีการขยายการลงทุน มีการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างการส่งออกและนำเข้า