กกร.เตรียมเสนอ กรอ.ชี้ขาดอุตสาหกรรมอันตรายเพื่อแก้ปัญหาการลงทุนชะลอตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 3, 2009 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เตรียมเสนอให้ภาครัฐออกประกาศว่าภาคอุตสาหกรรมใดบ้างที่เป็นอุตสาหกรรมอันตรายร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 เพื่อให้มีความชัดเจนแก่นักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนเพิ่มเติมรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว

ส่วนโครงการต่างๆ ที่ได้ขออนุญาตและผ่านขั้นตอนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ไปแล้ว และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) นั้น นายสันติ กล่าวว่า กกร.เห็นว่าเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความออกมาแล้ว โครงการต่างๆ ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้

นอกจากนี้ กกร.จะเสนอให้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 72,000 บีทียู ตามข้อเสนอของกลุ่มอุตสหากรรมเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเรื่องนี้ได้เคยหารือกับรัฐบาลมาแล้ว เนื่องจากการเก็บภาษีดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทยที่เสียภาษีถูกต้องไม่สามารถแข่งขันกับเครื่องปรับอากาศที่หลีกเลี่ยงภาษีได้ และยังมีเครื่องปรับอากาศนำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาแข่งขันด้วย ประกอบกับ ผู้ที่เสียภาษียังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีท้องถิ่นด้วย และจะเสนอปรับโครงสร้างการผลิตยางพาราให้ครอบคลุมทุกกระบวนการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อสรุป

พร้อมกันนี้ กกร.ยังเสนอให้ปรับลดราคาน้ำบาดาลจากลูกบาศก์เมตรละ 8 บาท เหลือ 4-4.50 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เนื่องจากน้ำประปามีคลอรีนไม่สามารถใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ ซึ่งมีผลการวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรองรับข้อเสนอนี้อยู่แล้ว

ส่วนปัญหาสภาพคล่องของภาคอุตสาหกรรมนั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้หารือกับ กกร.แล้ว และรับปากให้สถาบันการเฉพาะกิจเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.)

ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.จะเสนอที่ประชุม กรอ.ตามข้อเสนอของหอการค้าต่างประเทศให้ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 2% จากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่พร้อมกับให้แก้ไขภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ เชื่อว่า จะช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพการแข่งขัน และดึงดูดเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเมื่อเทียบสิงค์โปร์และมาเลเซีย โดยอัตราภาษีที่รัฐจะต้องสูญเสียไป เชื่อว่าเมื่อเทียบกับผลประโยชน์จะได้รับคุ้มค่ามากกว่า

นอกจากนี้ กกร.จะเสนอให้มีการจัดตั้งสภาอุตสาหกรรมก่อสร้างแห่งประเทศไทย เพื่อดูแลงานด้านกฎหมายต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผู้รับเหมาไทยสามารถรับงานก่อสร้างในต่างประเทศได้ และทำให้อุตสหากรรมก่อสร้างมีมาตรฐานที่ดีมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ