นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า ผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาถือว่าเป็นผลงานที่ยอมรับได้ โดยให้คะแนน 8 เต็ม 10 คะแนน เพราะรัฐบาลมีการทำการบ้านพอสมควรทำให้สามารถปฎิบัติงานได้ทันทีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกที่แจกเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปได้
สำหรับอุปสรรคที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ แผนการใช้เงินจาก พ.ร.บ.และ พ.ร.ก.ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจรวม 8 แสนล้านบาท ให้มีความโปร่งใสชัดเจนและตรวจสอบได้
ทั้งนี้ นักธุรกิจไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยจากความไม่มั่นใจนโยบายของรัฐบาล
ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสหากรรมแห่งประเทศไทย กล่าวในความเห็นส่วนตัวว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาถือว่าสอบผ่าน ให้คะแนนรัฐบาลระดับ C+ถึง B เนื่องจากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แม้จะมีอุปสรรคมากจากทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, การส่งออกลดลง, ปัญหาการเมืองในประเทศ และการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ดังนั้น ในปี 53 เมื่อรัฐบาลมีงบประมาณแล้วจะต้องเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ตามแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่วางไว้ ซึ่งจะเป็นการวัดฝีมือการทำงานของรัฐบาลอย่างแท้จริง
นายสันติ กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้จะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ไม่ตั้งความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะต้องขึ้นกับทิศทางเศรษฐกิจของโลกด้วย