ตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมก่อสร้างของสหรัฐเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่สองในรอบ 3 เดือน จากอัตราการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นในอัตรา 0.3% ต่อปีคิดเป็นมูลค่า 9.657 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ลดลง 10.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลง 0.5%
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีการรายงานยอดขายบ้านใหม่และยอดขายบ้านมือสองที่ดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดการก่อสร้างบ้านใหม่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะผู้ซื้อต่างคว้าโอกาสในช่วงที่เจ้าของโครงการลดราคาบ้าน ในขณะที่อัตราเงินกู้จำนองบ้านอยู่ในระดับต่ำและรัฐบาลลดการเก็บภาษีเงินกู้สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก
โดยราคาบ้านในสหรัฐเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 206,200 ดอลลาร์ ซึ่งร่วงลง 12% จากปีก่อนหน้านี้ และลดลงเกือบ 6% จากระดับ 219,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างของรัฐบาลยังช่วยหนุนให้ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 1% ที่ 3.217 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ส่วนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.5% แตะที่ 2.461 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลง 3.1% ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนมิ.ย.ถีบตัวขึ้น 11% แตะที่ 384,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2551