FED เล็งตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญทดสอบสถานะการเงินธนาคารในสหรัฐ หวังต่อยอดโครงการ stress test

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 4, 2009 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วางแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบสถานะการปล่อยเงินกู้และสถานะทางการเงินของธนาคารภายในประเทศ ด้วยการจัดตั้งทีมงานชุดใหม่ที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา รวมถึงด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ และการตลาด

ดาเนียล ทารุลโล ผู้ว่าการเฟดได้ร่างแผนการดังกล่าวเพื่อเตรียมแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งการยกเครื่องภาคการธนาคารในทุกขอบข่ายครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ที่เฟดนำมาใช้ทดสอบประสิทธิภาพในการรับมือกับภาวะถดถอยของ 19 ธนาคารรายใหญ่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

การริเริ่มโครงการทดสอบสถานะทางการเงินของธนาคารในประเทศมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของคณะทำงานของบารัค โอบามา ที่ต้องการเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับเฟดในการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านการเงินเชิงระบบ และมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่ามีธนาคารในสหรัฐที่ถูกยึดกิจการเพิ่มขึ้น

บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp : FDIC) รายงานว่า ทางการสหรัฐได้ดำเนินการยึดกิจการธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่งในประเทศ ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยและอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้จำนวนธนาคารที่ถูกยึดในสหรัฐปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 69 ราย และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นอีก

ทารุลโลกล่าวว่า "เรากำลังริเริ่มและขยายขอบข่ายกระบวนการตรวจสอบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ โครงการดังกล่าวจะใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะสามารถวิเคราะห์และประเมินสถานะของสถาบันการเงินในสหรัฐ"

บลูมเบิร์กรายงานว่า ในช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เฟดได้เปิดเผยผลทดสอบ stress test ของ 19 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ ซึ่งระบุว่ามีธนาคาร 10 แห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่มเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 7.46 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา จำเป็นต้องเพิ่มทุนมากที่สุดที่ระดับ 3.39 หมื่น ล้านดอลลาร์ ธนาคารเวลส์ ฟาร์โกต้องเพิ่มทุน 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัท GMAC ต้องเพิ่มทุน 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ซิตีกรุ๊ป อิงก์ ต้องเพิ่มทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ต้องเพิ่มทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ