รมช.คลังสหรัฐคาดซิตี้กรุ๊ป-เจพีมอร์แกน มียอดการปล่อยกู้ย่ำแย่กว่าสถาบันการเงินขนาดเล็ก

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 4, 2009 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เซธ วีเลอร์ รมช.คลังสหรัฐคาดการณ์ว่า ในการเปิดเผยโครงการให้ความช่วยเหลือธนาคารในประเทศของกระทรวงการคลังซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงค์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก อาจมีสถานะด้านการปล่อยกู้ที่ย่ำแย่กว่าสถาบันการเงินที่มีขนาดเล็กกว่า

"ผลการประเมินอาจสรุปว่าธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้ง 4 แห่งอาจมีสถานะด้านการปล่อยกู้ที่แย่กว่าธนาคารที่มีขนาดเล็กกว่า และอาจจะแย่ที่สุดในบรรดา 31 สถาบันการเงินที่ยื่นขอความช่วยเหลือจากโครงการ Making Home Affordable วงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารรายใหญ่ทั้ง 4 แห่งไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะรับมือกับดีมานด์ และไม่สามารถคำนวนกระแสเงินทุนหมุนเวียนได้ดีพอ" วีเลอร์กล่าว

ด้านนายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวแสดงความเห็นว่า "เป้าหมายของโครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและผลักดันให้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านการเงินของสถาบันการเงินอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนสามารถวางใจได้"

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ชำระเงินรวม 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์คืนให้กับทางการสหรัฐ ซึ่งสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่งรับเงินช่วยเหลือวงเงินดังกล่าวจากโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

การชำระคืนเงินดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และถือเป็นการชำระเงินคืนจำนวนเงินสูงสุดนับตั้งแต่สภาคองเกรสก่อตั้งโครงการ TARP เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งการก่อตั้งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย

เจพีมอร์แกน, โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ เป็น 3 ใน 9 สถาบันการเงินที่นายเฮนรี พอลสัน อดีตรมว.คลังสหรัฐ แนะนำให้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการ TAPR งวดแรก 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพตลาดการเงิน บลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ