เอ็กซ์สตราต้า พีแอลซี ผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลกเผยกำไรครึ่งปีแรกทรุดฮวบ 77% หลังราคาโลหะปรับตัวลดลง
บลูมเบิร์กรายงานว่า กำไรสุทธิของเอ็กซ์สตราต้าในช่วงครึ่งปีแรกร่วงลงเหลือ 643 ล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.77 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านี้ และยังดิ่งลงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 773 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายก็ลดลง 39% สู่ระดับ 9.9 พันล้านดอลลาร์
มิค เดวิส ซีอีโอของเอ็กซ์สตราต้า กำลังยื่นข้อเสนอขอควบกิจการกับแองโกล อเมริกันซึ่งครอบครองกิจการเหมืองในประเทศแคนาดา ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ โดยคาดว่าการควบรวมกิจการจะช่วยให้บริษัทมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นที่ 1 พันล้านดอลลาร์/ปีในช่วงปีที่ 3 หลังจากที่สามารถบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการควบรวมกิจการจะช่วยให้เอ็กซ์สตราต้าสามารถเข้าถึงเหมืองทรัพยากรเช่นสินแร่เหล็ก เพชร และพลาตินัมผ่านการถือหุ้นของแองโกล แพลทตินั่ม, เดอ เบียร์ส และคุมบา ไอรอน ออเร จำกัด
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจลง 1.1% เพื่อหวังประหยัดค่าใช้จ่าย 119 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 28% จากระดับ 40% ในช่วงสิ้นปี 2551 นอกจากนี้ บริษัทยังปรับลดกำลังการผลิตโลหะบางประเภท หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นอกจากนี้ ซีอีโอของเอ็กซ์สตราต้ากล่าวด้วยว่า แม้แนวโน้มระยะสั้นจะยังไม่ชัดเจน แต่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะกลางและระยะไกลยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ราคาทองแดงเฉลี่ยในตลาด London Metal Exchange ลดลง 50% ในครึ่งแรกของปีนี้แตะที่ 4,067 ดอลลาร์/ตัน จากปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคานิกเกิลร่วงลง 57% แตะที่ 11,788 ดอลลาร์/ตัน ส่วนราคาสังกะสีตกลง 42% สู่ระดับ 1,330 ดอลลาร์/ตัน