ครม.สั่งยกเลิกประมูลข้าวโพด-มันสำปะหลัง พร้อมปรับเกณฑ์ระบายสินค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 5, 2009 18:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแนวการระบายสินค้าเกษตรในสต็อกรัฐบาล ทั้งมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องราคา โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จึงได้ปรับเกณฑ์การจำหน่ายและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่เพื่อระบายสินค้าทั้ง 2 ชนิดให้ได้ตามเป้าหมาย

"ยืนยันว่าการรับจำนำสินค้าเกษตรชุดนี้จะเป็นชุดสุดท้าย ซึ่งในอนาคตจะไม่มีปัญหาเรื่องการระบายสินค้าอีกต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้พิจารณาผลการประมูลข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของการส่งออกที่มีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 4 รายเท่านั้น และมีการเสนอราคาที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาก จึงได้ปรับเงื่อนไขใหม่ โดย ครม.เห็นว่าไม่ควรเห็นชอบให้จำหน่ายในราคาที่เสนอมา แต่ให้ปรับหลักเกณฑ์การจำหน่ายเพื่อการส่งออกใหม่ โดยให้ผู้ส่งออกสามารถเสนอราคาที่จะซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต็อกของรัฐบาลตามวันและเวลาที่กรมการค้าต่างประเทศกำหนด เช่น กำหนดทุกวันอังคารก็สามารถยื่นราคาพร้อมใบสั่งซื้อสินค้าได้ทุกวันอังคาร เป็นต้น

นอกจากนี้ให้มีการตั้งคณะทำงานอีก 1 ชุดเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของผู้เสนอราคาทั้งคุณสมบัติ ใบสั่งซื้อ และอื่นๆ โดยไม่ต้องเปิดประมูลอีก หากผู้เสนอราคาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่กรมการค้าต่างประเทศกำหนด ให้เสนอคณะอนุกรรมการด้านการตลาดพิจารณา ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ ครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป

ส่วนผลการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศพบว่ามีผู้ให้ความสนใจมากถึง 82 รายและให้ราคาสูงโดยสูงสุดที่ 5,780 บาท/ตัน และที่เสนอต่ำสุดที่ 2,500 บาท/ตัน ครม.จึงเห็นชอบให้จำหน่ายให้กับผู้เข้าร่วมประมูลในราคาส่วนลด 20% ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เสนอราคาตั้งแต่ตันละ 4,600 บาท เป็นต้นไปจะได้รับการคัดเลือกทั้งหมด คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้หมดจากที่เสนอซื้อมาจำนวน 20,203 ตัน

อีกทั้ง ครม.ยังเห็นชอบให้เพิ่มปริมาณการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศอีก 1 เท่าตัวจาก 1 แสนตันเป็น 2 แสนตัน เพราะมีความจำเป็นต้องเร่งระบายผลผลิตทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 9.85 แสนตันออกไปให้หมดโดยเร็ว เพราะผลผลิตใหม่กำลังจะออกสู่ตลาด

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนการประมูลมันสำปะหลัง เป็นการประมูลเพื่อการส่งออกทั้งมันเส้นและแป้งมันพบว่า ได้ราคาที่ดีมาก โดยเฉพาะมันเส้นที่มีผู้สนใจมากถึง 14 ราย เสนอราคาสูงสุดที่ 4,310 บาท/ตัน ราคาต่ำสุดที่ 2,250 บาท/ตัน โดยมีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 10 ราย จำนวนมันเส้น 6.43 แสนตัน รวมมูลค่าที่ประมูลได้ 2,645.49 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่ตั้งไว้

ขณะที่แป้งมันนั้นมีปัญหาเช่นเดียวกับข้าวโพด โดยเสนอราคาต่ำกว่า 8 บาท/กก. จึงได้ปรับเกณฑ์ให้เสนอราคาโดยตรงกับคณะอนุกรรมการด้านการตลาดเช่นเดียวกับกรณีของข้าวโพด และยังเห็นชอบการขายมันเส้นในประเทศ โดยขายให้กับโรงงานเอทานอล จำนวน 28,000 ตันด้วย

"ครม.ได้พิจารณาผลการประมูลสินค้า 2 ชนิดและตั้งข้อสังเกตว่า กรณีมีผู้เสนอซื้อเป็นจำนวนมากจะเสนอราคาที่สูง แสดงให้เห็นว่ามีการแข่งขันกันมาก ขณะที่มีผู้เสนอราคาน้อยรายจะกดราคาซื้อที่ต่ำมาก และยังหารือกันมากเรื่องความเสียหายจากการที่ยังไม่ได้ขายสินค้าโดยเฉพาะข้าวโพด ที่รัฐบาลต้องรับภาระขาดทุนจากการดูแลราคาสินค้าเกษตรอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ การดูแลรักษา ค่าเช่าโกดัง ค่าอบแห้งกว่า 1,000 ล้านบาท แม้ขายได้ในราคาที่ 6 บาท/กก. ยังมีขาดทุนกว่า 3,000 ล้านบาท" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ครม.มีรัฐมนตรีบางคนตั้งข้อสังเกตว่าการตัดสินใจระบายข้าวโพดช้ามีผลต่อราคาหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการเสนอซื้อราคาที่ 3.50-7 บาท/กก. แต่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเป็นสินค้าโกดังที่ใดบ้าง ขณะที่การเสนอขายในปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.60 บาท/กก. ดังนั้นต้องนำเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมาเปรียบเทียบกันด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ขณะยังมีข้อสังเกตว่าสินค้าในโกดังในปัจจุบันมีปริมาณที่สูงมากจนผิดปกติ จึงได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูแลไม่ให้มีการปลอมปนสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ