นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อขอให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือกรณีราคาข้าวเปลือกในตลาดตกต่ำอย่างมากเหลือเพียง 7,500-7,800 บาท/ตัน หรือลดลงตันละ 500 บาท จากเดือน ก.ค.52 เนื่องจากได้สิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 52 เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ รมว.พาณิชย์ มีคำสั่งให้โรงสีชะลอการสีแปรสภาพข้าวเปลือกในโครงการเป็นข้าวสาร ทำให้โรงสีหยุดซื้อข้าวเปลือกในตลาด ที่คาดว่ายังเหลืออีก 2 ล้านตัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว โดยอ้างว่าไม่มีพื้นที่จัดเก็บ เพราะต้องเก็บข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำของรัฐบาล และขาดสภาพคล่อง เพราะไม่ได้เงินค้ำประกันคืนจากรัฐบาล
ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดย ขอให้รัฐบาลเปิดโครงการประกันราคาเป็นการนำร่อง เพื่อประกันราคาข้าวเปลือกในเขตชลประทานที่เก็บเกี่ยวในเดือนส.ค.-ก.ย.จำนวน 2 ล้านตัน ในราคา 10,000 บาท/ตัน และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เป็นผู้ดำเนินการประกันราคา เพราะ ธ.ก.ส.มีทะเบียนเกษตรกรอยู่แล้ว และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนถึงโครงการนาปีปี 52/53 ที่จะใช้ระบบประกันราคาข้าวเช่นกัน
พร้อมทั้งขอให้กระทรวงพาณิชย์สั่งให้โรงสีแปรข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำอย่างเร่งด่วน และเร่งเปิดโกดังเก็บข้าวสาร เพื่อระบายข้าวจากโรงสี เพื่อให้โรงสีรับซื้อข้าวจากเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวในเดือนส.ค.-ก.ย. นี้ต่อไป
"หากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือ เกรงว่าชาวนาจะรวมตัวเรียกร้องและปิดถนน ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา เพราะในช่วงที่โครงการรับจำนำนาปรังสิ้นสุดลง ทำให้พ่อค้าฉวยโอกาสกดราคารับซื้อข้าว ทั้งๆ ที่ราคาตลาดก็ไม่ได้ต่ำอย่างที่พ่อค้าอ้างกัน" นายประสิทธิ์ กล่าว