โจเซฟ สติกลิทซ์ นักเศรษศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้ช้า พร้อมทั้งแนะว่าสหรัฐจำเป็นต้องลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและระบบโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ควรพิจารณาหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เหมาะสมในช่วงที่เบน เบอร์นันเก้ จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 31 ม.ค.ปีหน้า
สติกลิทซ์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวว่า "เส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีปัญหาอยู่หลายจุด และที่รู้ๆคือต่อไปนี้จะยังมีบ้านหลุดจำนองเพิ่มมากขึ้นอีก แต่ที่เรายังไม่แน่ใจคือสถานะของธนาคารพาณิชย์"
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายกำลังมองหาสัญญาณขั้นแรกที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจหลุดพ้นจากจุดต่ำสุดของภาวะถดถอยครั้งรุนแรงนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคืออัตราว่างงานซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะที่ 10% ขณะที่ตลาดสินเชื่อกำลังฟื้นตัว แต่ปัญหาที่อยู่ตรงปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์ที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก
ขณะเดียวกัน สติกลิทซ์ให้ความเห็นถึงความเป็นไปได้ในการแต่งตั้งเบน เบอร์นันเก้ นั่งเก้าอี้ประธานเฟดอีกสมัยว่า ยังเป็นเรื่องที่ตอบได้อยาก ดังนั้น การหาคนมาทำหน้าที่ดังกล่าวจึงต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ทั้งนี้ วิกฤตการเงินโลกที่มีจุดเริ่มต้นจากการล่มสลายของตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์ของสหรัฐในปี 2550 ทำให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต้องปรับลดมูลค่าทางบัญชีและมีตัวเลขขาดทุนรวมกันถึง 1.55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า เฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยลงเกือบถึงระดับ 0% ในเดือนธ.ค.และปรับนโยบายการซื้อสินทรัพย์และโครงการปล่อยสินเชื่อ เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ