คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) อาจประวิงเวลาในการออกคำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลล์ในตลาดหุ้นออกไปอีกระยะหนึ่ง เพราะต้องการทราบเสียงตอบรับจากประชาชนว่าควรดำเนินการดังกล่าวหรือไม่ โดยขณะนี้นโยบายการควบคุมการทำชอร์ตเซลล์กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันระหว่างกลุ่มเฮดจ์ฟันด์และธนาคารพาณิชย์
ฌอน โอมัลลีย์ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ SEC ซึ่งปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นหุ้นส่วนของบริษัท Goodwin Procter LLP ในนิวยอร์กกล่าวว่า SEC กำลังพิจารณาที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็น รวมถึงการทบทวนนโยบายควบคุมการทำชอร์ตเซลล์ หลังจาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัต รวมถึง นายบาร์นีย์ แฟรงค์ คณะกรรมการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรส ได้กดดัน SEC ให้ใช้มาตรการคุมเข้มด้านการทำชอร์ตเซลล์ หลังจากดัชนี S&P 500 ร่วงลง 38% เมื่อปีที่แล้ว
"เป็นเรื่องยากที่จะหาข้อยุติได้ในช่วงนี้ เพราะทุกฝ่ายต่างมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน" โอมัลลีย์กล่าว
เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว SEC ประกาศห้ามทำชอร์ตเซลล์หุ้นในกลุ่มการเงินชั่วคราว เพื่อยับยั้งกระแสเก็งกำไรไม่ให้สร้างความเสียหายต่อตลาดการเงิน หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย ซึ่งหลังจาก SEC ประกาศมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าพุ่งขึ้นทันที 2.9%
ฟิล โอแลนโด นักวิเคราะห์จาก Federated Investors Inc. กล่าวว่า "มาตรการห้ามทำชอร์ตเซลล์ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ล่มสลาย ในตลาดหุ้นมีกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ผุดขึ้นมากมายและพร้อมที่จะเข้ามาปั่นหุ้นหรือเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้บริษัทการเงินได้รับความเสียหาย" บลูมเบิร์กรายงาน
อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลล์ของสหรัฐในครั้งนั้นส่งผลให้กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนี Eurekahedge Hedge Fund Index ร่วงลง 4.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงรายเดือนที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2543 บลูมเบิร์กรายงาน