น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานพร้อมที่จะลดเงินการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ในส่วนของการจัดเก็บเพื่อพัฒนาระบบขนส่งในอัตราลิตรละ 50 สตางค์ จากปัจจุบันที่จัดเก็บจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และน้ำมันดีเซล เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินดังกล่าว เพราะยังสามารถหาแหล่งเงินกู้ได้
แต่การลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน จะเป็นเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการหารือในการประชุมคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ในวันที่ 24 ส.ค.52 นี้
ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางลดภาระให้กับประชาชนหลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล นั้น กระทรวงพลังงานได้เตรียมมาตรการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอยู่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด เพื่อเสนอที่ประชุม กพช.ในปลายเดือนนี้เช่นกัน
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันราคาแพงอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายภายใน 15 ปีข้างหน้า จะมีรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 มากกว่า 1 ล้านคัน และจะได้ขยายความต้องการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้มีความต้องการใช้เอทานอลได้ 9 ล้านลิตร/วัน ในปี 2565 จากปัจจุบันมีความต้องการ 1.2 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการผลิตเอทานอลสูง หากสามารถส่งเสริมการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน และช่วยเพื่อรายได้ในเกษตรกรในการขายพืชผลทางการเกษตรอีกด้วย
ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันในปีนี้จะสูงถึง 75 ดอลลาร์/บาร์เรล และเฉลี่ยทั้งปี น่าจะมีราคาที่ระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจน และเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่งผ่านจุดต่ำสุดแล้วเท่านั้น
ขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวยังคงติดลบอยู่ การบริโภค และกำลังการผลิตยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นหากมีการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงราคาน้ำมันขาลง อาจจะไม่เป็นประโยชน์ เพราะอนาคตราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้อีก
ส่วนราคาเอทานอลในช่วงนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นไปตามกลไลตลาด โดยกระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะเอาแป้งมันมาผลิตเอทานอล โดยจะเสนอเรื่องให้ ครม.พิจารณาอนุมัติก่อน