ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร-ปอนด์ หลังธนาคารกลางอังกฤษ-ยุโรปตรึงดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ Friday August 7, 2009 07:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานี้ และหลังจากธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจขยายเวลาโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของระบบการเงินในประเทศ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.40% เมื่อเทียบสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.4352 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธ 1.4409 ยูโร/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 1.18% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6780 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6981 ปอนด์/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 95.380 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.910 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0645 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0619 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.14% แตะระดับ 0.8393 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8405 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.49% แตะที่ 0.6699 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6732 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

ดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้เงินสกุลยูโรเมื่อปี 2542 ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 0.5% และขยายโครงการซื้อพันธบัตรอีก 5 หมื่นล้านปอนด์ รวมเป็น 1.75 แสนล้านปอนด์

บลูมเบิร์กรายงานว่า การตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราการหดตัวของเศรษฐกิจอังกฤษจะเริ่มชะลอตัวแล้ว แต่ธนาคารกลางอังกฤษก็ตัดสินใจที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าการตัดสินใจเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารฯยังคงมีท่าทีระมัดระวัง และการยุติโครงการซื้อสินทรัพย์เร็วเกินไปอาจทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษยืดเยื้อออกไปได้

ธนาคารกลางอังกฤษได้เริ่มใช้โครงการ Quantitative Easing หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อผ่อนคลายแรงกดดันต่อสภาพคล่องและเพิ่มอุปทานเงินในประเทศผ่านทางการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน

นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างเต็มที่คงไม่ง่ายนัก เนื่องจากอัตราว่างงานยังพุ่งสูงและดัชนีราคาผู้บริโภคยังร่วงเร็วสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะยังคงอ่อนแอในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ