นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า มาตรการที่จะใช้รักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาด หลังจากรัฐบาลมีนโยบายใหม่ด้วยการใช้ระบบประกันราคาแทนการรับจำนำในฤดูการผลิตปี 52/53 ที่ 7.10 บาท/กก.จากปริมาณผลผลิต 4.2 ล้านตันนั้น คาดว่าระบบประกันราคาคงไม่สามารถรองรับผลผลิตได้หมด เนื่องจากรัฐกำหนดให้เกษตรกรนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาประกันราคาได้รายละ 15 ตัน
ขณะที่ความต้องการใช้จริงมี 3.8 ล้านตัน ดังนั้น จึงมีส่วนเกินอีก 4 แสนกว่าตัน รวมกับสต็อกเก่าอีกเกือบ 1 ล้านตัน จึงอาจทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำได้
สำหรับมาตรการที่จะใช้ดูแลข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่วนเกิน แบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ การดูแลข้าวโพดล็อตใหม่ 5 มาตรการ คือ 1. มาตรการแทรกแซงราคา โดยให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) รับซื้อราคานำตลาด 20% เพื่อส่งออกทั้งหมด เป้าหมาย 300,000 ตัน ใช้เงินทุนหมุนเวียน 1,800 ล้านบาท
2. ผลักดันการส่งออก โดยจะมีมาตรการจูงใจให้ผู้ส่งออกที่ซื้อข้าวโพดในตลาดไปทำการส่งออก 3.ให้สหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์และสมาคมต่างๆ รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง 100,000 ตัน ใช้เงินทุนหมุนเวียน 600 ล้านบาท 4.สนับสนุนโรงงานแป้งข้าวโพดรับซื้อจากเกษตรกรไปแปรรูป 100,000 ตัน คาดใช้วงเงิน 18 ล้านบาท และ 5.มาตรการเสริม โดยให้ผู้นำเข้าชะลอการนำเข้าจากประเทศเพื่อบ้านภายใต้สัญญาคอนแทรกต์ ฟาร์มมิ่ง
"ส่วนสต็อกเก่าที่ประชุมได้เสนอให้ส่งออกและทำพลังงานทดแทน มาตรการทั้งหมดนี้จะเสนอคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ก่อนเสนอนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เห็นชอบเร็วที่สุด" อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ
ทั้งนี้ คาดว่าระบบประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูการผลิตปี 52/53 จะเริ่มได้ราวกลางเดือน ส.ค.นี้