นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 11 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ไม่มั่นใจว่าเฟดจะขยายเวลาการซื้อพันธบัตรออกไปจนถึงเดือนก.ย.หรือไม่ หลังจากอัตราว่างงานเดือนก.ค.ในสหรัฐปรับตัวลดลง
รายงานระบุว่า อัตราการว่างงานประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับ 9.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 1 ปี 3 เดือน สวนทางกับการคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 9.6% และตัวเลขการจ้างงานลดลง 247,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 325,000 ตำแหน่ง
เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้อัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเพื่อผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ และรับมือกับความต้องการเงินสดของธนาคารพาณิชย์ ขณะที่นายลอว์เรนซ์ เมเยอร์ อดีตผู้ว่าการเฟดคาดว่า เฟดจะขยายเวลาของโครงการซื้อพันธบัตรระยะยาววงเงินรวม 3 แสนล้านดอลลาร์ไปจนถึงเดือนก.ย. ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ในรูปของตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และพันธบัตร เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ ไบรอัน เบธูน นักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าวกับเอพีว่า เฟดได้ใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ และเพิ่มการรับซื้อตราสาร MBS อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ นอกจากนี้ เฟดได้เข้าซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดย หรือรับประกันโดยสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่ 2 แห่ง คือ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ในปีนี้ เป็นวงเงินสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1%ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง