สนง.บริการการเงินญี่ปุ่นหนุนแบงค์ในประเทศลดการถือหุ้นลงหลังแบงค์ใหญ่ขาดทุน

สำนักงานบริการด้านการเงินญี่ปุ่นแนะให้ธนาคารในประเทศใช้ประโยชน์จากโครงการซื้อพันธบัตรตามที่รัฐบาลให้การสนับสนุนด้วยการลดการถือครองหุ้นลง หลังจากที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 รายของประเทศต้องขาดทุนเพราะการถือครองหุ้นถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์

บลูมเบิร์กรายงานว่า คัตสึโนริ มิคูนิยะ กรรมการของสำนักงานกล่าวก่อนหน้านี้ว่า จุดยืนด้านการเงินของธนาคารนั้นเกี่ยวพันกับการลงทุนในด้านต่างๆด้วย เช่น การลงทุนในหุ้น และเราก็อยากจะให้มีการควบคุมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ตอนนี้ธนาคารก็มีบริษัท แชร์โฮลดิ้งส์ เพอร์เชส คอร์ปอเรชั่น ของแบงค์ต่างๆที่เปิดให้บริการอยู่ และเราก็อยากให้แบงค์ต่างๆเข้าไปใช้งาน

ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้นมาแล้ว 28% ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นวันแรกของปีงบประมาณการเงินของญี่ปุ่นที่อาจจะทำให้แบงค์ต่างๆมีโอกาสที่จะขายหุ้นเพื่อทำกำไร มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นแบงค์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่นระบุว่า ธนาคารมีหุ้นอยู่ในมือมูลค่า 5.00 แสนล้านเยน หลังจากที่ขาดทุนไป 4.09 แสนล้านเยนเมื่อปีที่แล้ว

แดเนียล แทบบุช นักวิเคราะห์ของ CLSA Asia-Pacific Markets กล่าวว่า ธนาคารขนาดใหญ่มีสัดส่วนการถือหุ้นจำนวนมาก ทั้งที่ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ปัญหาก็คือว่า รายได้ของธนาคารของญี่ปุ่นผันผวนมากเกินไป และเงินทุนในตลาดเองก็ขึ้นๆลงๆ

เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติกฎหมายที่เปิดทางให้มีการซื้อหุ้นได้ถึง 20 ล้านล้านเยนที่ธนาคารเป็นผู้ถืออยู่ เพื่อกระตุ้นเงินทุนแลกระตุ้นตลาดหุ้น บริษัทแชร์โฮลเดอร์สเองก็ซื้อหุ้นมูลค่า 1.37 แสนล้านเยนไปแล้วเมื่อช่วงสิ้นเดือนก.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับงบประมาณของกองทุน 6.9% ไปจนถึงเดือนมี.ค. 2555

ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ธนาคารไม่กล้าลดการถือครองหุ้นมาจากธนาคารกังวลเรื่องการสูญเสียความสัมพันธ์กับบริษัทที่ตนเองได้ลงทุนไว้ รวมทั้งความสามารถในการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทหลังจากที่ได้ขายหุ้นออกไป บริษัทต่างๆเองก็ไม่ต้องการให้ธนาคารขายหุ้น เนื่องจากบริษัทต้องการให้กลุ่มผู้ถือหุ้นช่วยในเรื่องการป้องกันการเข้าซื้อกิจการ ไรโกะ โทริทานิ นักวิเคราะห์ของฟิทช์ เรทติ้ง ระบุ