นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)วาระพิเศษในช่วงบ่ายวันนี้กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอที่ประชุมฯ พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนในภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แต่จะปรับลดเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุมฯ ซึ่งกระทรวงพลังงานคาดว่าจะใช้วงเงินในการช่วยเหลือประชาชนประมาณ 45,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังเสนอให้ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และราคาก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(เอ็นจีวี) ออกไปจนถึงเดือน ส.ค.53 และเสนอให้ตรึงราคาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร(เอฟที)งวดเดือนตุลาคม-มกราคมปีหน้า
ด้านนายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.พร้อมจะตรึงค่าเอฟทีเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน เพราะ กฟผ.เริ่มทยอยได้รับเงินค้างชำระค่าเอฟทีจำนวน 20,000 ล้านบาทแล้วหลังจากราคาเชื้อเพลิงปรับลดลงช่วงหนึ่ง
และหากรัฐบาลให้ตรึงค่าเอฟทีงวดนี้ออกไปอีกอาจจะทำให้ กฟผ.ได้เงินคืนครบล่าช้าออกไปเป็นภายในปี 54 จากเดิมที่จะได้ครบในปี 53 ขณะที่ กฟผ.ได้รับการอนุมัติจากระทรวงการคลังให้สามารถกู้เงินได้จึงไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในปีนี้แล้ว โดยเมื่อเดือน มิ.ย.52 กฟผ.ได้ทำการกู้เงินไปแล้ว 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการต่างๆ ส่งให้ในปีงบประมาณปัจจุบันทำการกู้เงินไปแล้ว 30,000 ล้านบาท ทำให้เหลือกรอบวงเงินกู้ได้อีก 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้เปิดตัวโครงการกิจกรรมถอดปลั๊กพักเที่ยงเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนลดใช้ไฟฟ้าทุกชนิด โดยจะนำร่องจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 208,000 หน่วยต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่า 624,000 บาท