บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนกำลังลงทุนซื้อตราสารหนี้เอกชนและพันธบัตรที่รัฐบาลในประเทศต่างๆที่นอกเหนือไปจากสหรัฐออกให้ ขณะที่การลงทุนหุ้นของบริษัทร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี
ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ถือพันธบัตรของรัฐบาลต่างชาติประมาณ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในส่วนของธุรกิจประกัน ขณะที่เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ บริษัทซื้อพันธบัตรดังกล่าวเพียง 9.6 พันล้านดอลลาร์ บัฟเฟตต์ได้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีวันครบกำหนดไถ่ถอนถาวรมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์แล้วในช่วงไตรมาส 2 เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นเพียง 350 ล้านดอลลาร์
บัฟเฟตต์กำลังเพิ่มปริมาณการลงทุนในสินทรัพย์คงที่หลังจากรายได้ในหน่วยปฏิบัติการร่วงลงไม่ว่าจะเป็นรายได้ของบริษัท เน็ตเจ็ทส์ ธุรกิจให้เช่าเครื่องบินที่ประสบภาวะขาดทุน และเวลส์ ฟาร์โก ที่ต้องลดการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนลง โดยเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 หลังจากที่ได้รับได้รับเงินชำระค่าหลักทรัพย์ที่ออกโดยโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป และเจนเนอรัล อิเล็กทริก ซึ่งช่วยหนุนรายได้ด้านการลงทุน
บลูมเบิร์กรายงานว่า เจอรัลด์ มาร์ติน ศาสตราจารย์ด้านการเงินของ American University’s Kogod School of Business กล่าวว่า ธุรกิจบางส่วนที่บัฟเฟตต์ได้ลงทุนยังไม่ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้น บัฟเฟตต์จึงหันมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคืนมาอย่างแน่นอนแทน และหันเหการลงทุนจากตลาดหุ้นที่มีความผันผวน