สำนักงานศุลกากรของจีนรายงานว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือนกรกฎาคมยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยการส่งออกร่วงลงเนื่องจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกยังคงซบเซา ขณะที่การนำเข้าลดลงแม้ว่าการใช้ในจ่ายในประเทศและเศรษฐกิจจีนขยายตัวดีขึ้นจากแผนกระตุ้นของรัฐบาลก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงาน
การค้าของจีนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากความต้องการสินค้าจีนที่ลดลงทั่วโลกท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุค 1930 โดยการส่งออกของจีนร่วงลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ที่ระดับ 23% ในเดือนก.ค. แตะ 1.05 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่ลดลง 21.4% ในเดือนมิ.ย. ทำให้เป็นที่คาดหมายกันว่า รัฐบาลจีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายการเงินแบบ "ผ่อนคลายปานกลาง" ต่อไป เพื่อกระตุ้นการขยายตัวในประเทศ
และแม้ว่าการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลจีน กำลังผลักดันดีมานด์วัตถุดิบและส่วนประกอบนำเข้า แต่ยอดการนำเข้าในเดือนก.ค.ก็ยังลดลง 14.9% แตะ 9.48 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลง 13.2% ในเดือนมิ.ย.
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้มูลค่าการนำเข้าของจีนปรับตัวลงคือราคาน้ำมัน แร่เหล็ก และวัตถุดิบอื่นๆ ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับระดับราคาในปีที่แล้ว
หวัง เต๋า นักเศรษฐศาสตร์จากยูบีเอส เอจี กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนอาจจะมีเสถียรภาพมากขึ้นและเริ่มฟื้นตัวภายในปีนี้ เนื่องจากดีมานด์ผู้บริโภคที่ดีดตัวขึ้น
ตัวเลขส่งออกและนำเข้าที่เปิดเผยในวันนี้ บ่งชี้ว่า ตัวเลขเกินดุลการค้าของจีนในเดือนก.ค. ลดลง 58.2% จากปีก่อน แตะ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 8.25 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนขยายตัว 7.9% ในไตรมาสสอง หลังจากที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ช่วยหนุนยอดการปล่อยกู้และส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนในประเทศ