นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 2 บาทต่อลิตร ด้วยการลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เห็นชอบเมื่อวานนี้ โดยคาดว่าผลประกาศใช้จะมีผลเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้ เนื่องจากต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศพระราชกิจจานุเบกษาในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ กบง. ยังได้อนุมัติให้มีการโยกเงินการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนในส่วนเบนซิน 91 และ 95 จากกองทุนเพื่อการส่งเสริมและอนุรักษ์พลังงานที่จัดเก็บอยู่ 50 สต./ลิตร มาจัดเก็บในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแทน เพื่อความคล่องตัวในการดูแลเสถียรภาพเรื่อง ราคาน้ำมัน ทำให้ปัจจุบันการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเบนซิน 95 อยู่ที่ 7.50 บาท/ลิตร และเบนซิน 91 อยู่ที่ 6.20 บาท/ลิตร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามมติของ กพช. เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นด้วยการลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 2 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละ 1.17 บาท และลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอีกลิตระ 70 สตางค์ ที่เหลือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
และเพิ่มเงินชดเชยน้ำมันไบโอดีเซล บี 5 จากเดิมลิตรละ 23 สตางค์ เป็นลิตรละ 81 สตางค์ ซึ่งจะมีผลให้ราคาขายปลีกลดลงลิตรละ 40 สตางค์
ส่วนมาตการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม(LPG)และราคาก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(NGV)และค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร ได้ยืดเวลาออกไป 1 ปี หรือจนถึงวันที่ 31 ก.ค.53 และสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนรถยนต์แท๊กซี่ให้มาใช้ก๊าซ NGV โดยจะมีผลหลังจาก กบง.อนุมัติ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระรวม 37,528 ล้านบาท
มาตรการดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลสามารถช่วยลดภาระให้กับประชาชน แต่ตามการปรับลดราคาน้ำมันจะไม่ช่วยเพิ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ แต่จะเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับประชาชนในอนาคต