นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0-0.25% สะท้อนสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน การบริโภค แต่การฟื้นตัวยังมีความอ่อนไหว เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกด้วย
ขณะที่ไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกและการนำเข้าค่อนข้างมาก ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้วก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ และการบริโภคในประเทศได้
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/52 จะขยายตัวเป็นบวกได้ เนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีการใช้นโยบายดอกเบี้ย มาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและกลับมาขยายตัวได้
"เริ่มเห็นสัญญาณที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในไตรมาส 2/52 ซึ่งหากเทียบไตรมาส ต่อไตรมาส เศรษฐกิจโลกดีขึ้น แต่หากเทียบปีต่อปี ยังติดลบอยู่...ที่ผ่านมารัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่เนื่อง ดังนั้น เชื่อว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4/52 จะกลับมาเป็นบวกได้"นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวถึงโครงการลงทุนตามแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งปี 55 ว่า ขณะนี้มีหน่วยงานต่างๆ ได้เสนอราคากลางที่สำนักงบประมาณแล้ว โดยมีวงเงินลงทุนรวม 1.06 ล้านล้านบาท จากนี้จะมีการคัดเลือกโครงการแต่ละแห่งว่าจะมีการใช้เงินงบประมาณ จากการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ.กู้เงินฯ วงเงินรวม 8 แสนล้านบาท แต่โครงการลงทุนตามการระดมเงินทั้งสองส่วนจะเดินหน้าควบคู่กันไป
สำหรับการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ 4 แสนล้านบาทนั้นจะเริ่มการเปิดประมูลโครงการลงทุนต่าง ๆ ได้ภายในเดือน ก.ย.52 และโครงการลงทุนทั้งหมดจะดำเนินการประมูลให้แล้วเสร็จภายใน ต.ค.52 เพื่อให้การกู้เงินตาม พ.ร.ก.แล้วเสร็จตามกำหนด
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดเว็บไซต์ www.tkk.com วันที่ 28 ส.ค.นี้ เพื่อเผยแพร่รายละเอียดของโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งให้ประชาชนและสาธารณะได้รับทราบและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างชัดเจน และโปร่งใส