ค่าเงินสกุลหลักๆในภูมิภาคเอเชียพุ่งขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยเงินวอนเกาหลีใต้และริงกิตมาเลเซียทะยานขึ้นแข็งแกร่งที่สุด เนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่านักลงทุนจะเข้าเสี่ยงด้วยการเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐบรรเทาลงแล้ว และเฟดจะขยายเวลาการเข้าซื้อพันธบัตรออกไปจนถึงเดือนต.ค.
ณ เวลา 11.52 น.ตามเวลากรุงโซลในวันนี้ ค่าเงินวอนพุ่งขึ้น 0.8% แตะที่ 1,237.10 วอน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้น 3% แล้วในไตรมาสนี้ และทำสถิติสกุลเงินที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 10 สกุลเงินหลักของเอเชีย ขณะที่ค่าเงินริงกิตดีดขึ้น 0.3% แตะที่ 3.5170 ริงกิต/ดอลลาร์ และค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซียพุ่งขึ้น 0.3% แตะที่ 9,955 รูเปียห์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันพุ่งขึ้น 0.2% แตะที่ 32.89 ดอลลาร์ไต้หวัน/ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สิงคโปร์พุ่งขึ้น 0.3% แท่ 1.4432 ดอลลาร์สิงคโปร์/ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ 34.06 บาท/ดอลลาร์
เฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคทั้งในส่วนของภาคครัวเรือน และภาคเอกชน นอกจากนี้ เฟดจะขยายเวลาการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ออกไปจนถึงเดือนต.ค. ซึ่งเดิมกำหนดไว้ที่เดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค.และยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.จะพุ่งขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน