นักวิเคราะห์คาดยอดค้าปลีกเดือนก.ค.สหรัฐพุ่ง 0.8% หลังรัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นดีมานด์รถ

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 13, 2009 13:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้นโยบายนำรถยนต์คันเก่ามาแลกคันใหม่ในเดือนก.ค. ซึ่งทำให้ยอดขายรถยนต์ปรับตัวสูงขึ้น แม้บริษัทค้าปลีกสินค้าประเภทอื่นๆยังไม่สามารถใช้กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นก็ตาม ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

โจเซฟ บรูซูลาส นักวิเคราะห์จาก Moody’s Economy.com กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 เนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายนำรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายอดขายสินค้านอกกลุ่มรถยนต์จะยังคงอ่อนแอ และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้"

กลุ่มผู้ค้าปลีกหลายราย รวมถึงบริษัท เมซี อิงค์ กำลังดำเนินการลดต้นทุนและลดปริมาณสินค้าในสต็อก เพื่อกระตุ้นกำลัง เนื่องจากตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) ลดลง 247,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย)

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐประจำเดือนก.ค.จะพุ่งขึ้นแตะ 10.1 ล้านคันต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้โครงการ "Car Allowance Rebate System - CARS" (การนำรถยนต์เก่าแบรนด์ดังมาแลกรถยนต์คันใหม่) คิดเป็นมูลค่าโครงการ 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาซื้อรถยนต์มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ