นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน(AEM) ได้ลงนามความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดียแล้ว ส่งผลให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดียจะต้องลดภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 80% ของสินค้าที่นำเข้าทั้งหมดให้เหลือ 0% โดยเริ่มตั้งแต่ปี 53-59 ครอบคลุมสินค้ากว่า 5,000 รายการ
ส่วนสินค้าอ่อนไหวจะลดภาษีเหลือ 5% ในปี 59 และยังมีสินค้าที่ไม่ลดภาษีเลยอีก 489 รายการ ซึ่งจากความตกลงนี้ทำให้ไทยส่งออกสินค้าไปอินเดียมากขึ้นในกลุ่มอัญมณี, เครื่องประดับ, ชิ้นส่วนยานยนต์, อุปกรณ์สื่อสาร, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์, สินค้าเกษตร และสินค้าเกษตรแปรรูป ขณะที่สินค้าที่ไทยจะไม่ลดภาษีให้ ได้แก่ หัวหอม, กระเทียม, นมและผลิตภัณฑ์นม, เนื้อโค กระบือ
"FTA อาเซียน-อินเดีย ได้สร้างประโยชน์ต่อการส่งออก และขยายมูลค่าการค้าไทย-อินเดียได้มาก เพราะอินเดียเป็นตลาดใหญ่มีประชากร 1,100 ล้านคน และคาดว่าจะมีมูลค่าการค้าเพิ่มจากปี 51 มูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 10,000 ล้านดอลลาร์ในปี 59 และช่วยขยายการค้าชาติอาเซียน-อินเดียจาก 47,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ในปี 59" นางพรทิวา กล่าว
นายอมิต มิตรา เลขาธิการสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจทำให้อินเดียขาดดุลการค้ากับชาติอาเซียนเพิ่มขึ้น แต่ในระยะยาวจะสร้างผลดีต่ออุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในอินเดียให้เติบโตขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องการให้ชาติอาเซียนปรับตัวเรื่องการผลิตสินค้า ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถส่งออกมาอินเดียได้
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ต้องการให้การประชุม AEM เน้นความร่วมมือของกรอบอาเซียน และอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในการพิจารณาข้อตกลงทางการค้า และเร่งทำระบบการตรวจสอบสินค้าเพียงครั้งเดียว(Single Window) รวมทั้งเสนอให้นำเงินกองทุนอาเซียน+3 ประมาณ 10% หรือราว 12,000 ล้านดอลลาร์ จากที่มีอยู่ทั้งหมด 120,000 ล้านดอลลาร์ มาช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)
สำหรับวันพรุ่งนี้(14 ส.ค.) จะมีการประชุมที่สำคัญต่อเนื่อง คือ การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน และคณะมนตรีเขตการลงทุนอาเซียน และการหารือระดับทวิภาคีของแต่ละประเทศ