ญี่ปุ่นเผยอุปสงค์ภาคบริการเดือนมิ.ย.พุ่ง ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข่าวต่างประเทศ Friday August 14, 2009 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อุปสงค์ภาคธุรกิจบริการของญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย.ขยายตัวสูงเกินคาด จากอานิสงส์การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค

กระทรวงการค้าญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดการใช้จ่ายสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ ไฟฟ้า และการคมนาคมขนส่งของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในเดือนมิ.ย.ไต่ระดับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่ทรุดตัวลง 0.3% และยังเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะลดลง 0.3%

มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายมูลค่า 25 ล้านล้านเยน (2.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ของนายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโสะที่ได้แจกจ่ายเงินสดให้ประชาชน และเพิ่มแรงจูงใจในการซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าและรถยนต์ประหยัดพลังงานนั้นช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถรับมือกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงได้ แต่แนวโน้มการจ้างงานที่ซบเซาประกอบกับค่าจ้างแรงงานที่ตกต่ำยังคงเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวขึ้นแม้ว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

โดยอัตราค่าแรงในญี่ปุ่นดิ่งหนักเป็นประวัติการณ์ 7.1% ในเดือนมิ.ย. และอัตราว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ 5.4% ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะทะยานขึ้นถึง 5.9% ในปีหน้า

โยชิกิ ชินเกะ นักวิเคราะห์จากได-อิจิ ไลฟ์ รีเสิร์ช ในโตเกียวกล่าวว่า "การใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้บริโภคจะจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่องหรือไม่หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกมาตรการนี้แล้ว"

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ตั้งเป้ากระตุ้นยอดขายในประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยอ้างถึงมาตรการของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นอุปสงค์รถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฮบริดจ์รุ่นพรีอุสของโตโยต้า

นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังหนุนให้ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้น 49% นับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.ค.ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน

ขณะเดียวกัน การดีดตัวของภาคการส่งออกและการผลิตอาจช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ผ่านมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 จะขยายตัวได้ในอัตรา 3.9% ต่อปีหลังจากติดลบอย่างหนักเป็นประวัติการณ์ 14.2% ในไตรมาสแรก ซึ่งทางการจะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวในวันที่ 17 ส.ค.นี้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ