จีนเล็งเพิ่มงบซื้อบริษัทพลังงานและเหมืองในต่างประเทศปีนี้ หวังสร้างสำรองเต็มที่

จีนเตรียมส่งเสริมการใช้งบประมาณสำหรับซื้อธุรกิจน้ำมันและเหมืองแร่มากขึ้นในปีนี้ เพื่อสร้างความได้เปรียบจากมูลค่าธุรกิจที่ลดลงหลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกลง หลังจากที่บริษัทจีนไม่ประสบความสำเร็จกับการมีส่วนร่วมลงทุนในริโอ ทินโต กรุ๊ป และยูโนแคล คอร์ป

บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวานนี้ บริษัทหยานโจว โคล ไมนิ่ง ของรัฐบาลจีนได้ให้ความเห็นชอบในการซื้อบริษัท เฟลิกซ์ รีซอร์สเซส ของออสเตรเลีย มูลค่าประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ซิโนเคม คอร์ป เทรดเดอร์สารเคมีรายใหญ่สุดของจีน ได้เสนอซื้อกิจการของเอ็มเมอรัลด์ เอ็นเนอร์จี มูลค่า 532 ล้านปอนด์ หรือ 881 ล้านดอลลาร์ เพื่อครองแหล่งน้ำมันในซีเรียและโคลัมเบียมากขึ้น

ทางด้านไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป ก็วางแผนซื้อ Repsol YPF SA ซึ่งเป็นธุรกิจของอาร์เจนติน่า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจจะช่วยให้จีนซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในต่างประเทศถึง 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น 48% ในปีที่แล้ว

จิม โรเจอร์ส ประธานบริษัท โรเจอร์ส โฮลดิงส์ กล่าวว่า จีนมีนิกเกิล น้ำมัน และทองแดงเพียงพอ วิกฤตกำลังจะมา และจีนต้องออกไปหาแหล่งซื้อวัตถุดิบดังกล่าวทั่วโลก เพื่อเตรียมความพร้อมไว้หากเกิดวิกฤตการณ์

การซื้อทรัพยากรประเภทต่างๆของจีน ซึ่งมีสำรองเงินตราต่างประเทศถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ไม่ได้รับการตอบรับนักจากสหรัฐและออสเตรเลีย แม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องอิทธิพลที่มากขึ้นของจีนหรือกรณีการจับกุมตัวผู้บริหารของบริษัท ริโอ ทินโต 4 ราย ทำให้บริษัทของจีนระงับการซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศ หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.85 แสนล้านดอลลาร์ช่วยกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทที่ทำธุรกิจพลังงานของจีนได้ใช้งบประมาณไปแล้วอย่างน้อย 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์กับการซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศตั้งแต่เดือนธ.ค.ปที่แล้ว หลังจากที่ได้โอกาสสร้างความได้เปรียบจากมูลค่าธุรกิจที่อ่อนตัวลงช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว