นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน(AEM) ครั้งที่ 41 โดยเรียกร้องให้อาเซียนใช้กลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจในเชิงสร้างสรรค์(Creative Economy) ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การศึกษา การสร้างสรรค์ผลงาน และทรัพย์สินทางปัญญาที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอาเซียนให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานสร้างเศรษฐกิจของอาเซียนให้ไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ตามเป้าหมายในปี 58
"เชื่อว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกจะไม่กระทบต่อการรวมตัวเป็น AEC เพราะทั่วโลกพูดเหมือนกันว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดแล้วและกำลังฟื้นตัว แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีจึงจะฟื้นตัวเป็นปกติ ขณะที่การเป็น AEC ยังมีเวลาดำเนินการอีก 6 ปี ดังนั้นวิกฤติเศรษฐกิจโลกจึงไม่ใช่อุปสรรค" นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
ส่วนการเปิดเสรีสินค้าเกษตรภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.53 ซึ่งไทยจะต้องลดภาษีนำเข้าข้าวจากอาเซียนเป็น 0% และมีโอกาสให้ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้าไทยจำนวนมากนั้น นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้หามาตรการป้องกันไม่ให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบแล้ว โดยขณะนี้รัฐบาลได้เร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกร เพื่อไม่ให้มีสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิเกษตรกรไทยเข้าโครงการรับประกันราคาของรัฐบาลแล้ว
ด้านนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับกัมพูชาว่า ฝ่ายไทยได้เสนอจัดตั้งสมาคมผู้ค้าข้าวร่วมกันในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง(ACMECS) ประกอบด้วย ไทย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว และพม่า เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว รวมถึงวางยุทธศาสตร์การเป็นประเทศผู้นำในการส่งออกข้าวของโลก ซึ่งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสแต่ละประเทศไปเจรจาในรายละเอียดและจะดำเนินการโดยภาคเอกชน มีภาครัฐให้การสนับสนุน ตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการให้ทันภายในปี 53