นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและจีนได้ร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน-จีน(ASEAN-China Investment Agreement) โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.53 หลังจากได้เริ่มเจรจาความตกลงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 46 ซึ่งการลงนามในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงจากการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับจีนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้อาเซียน-จีนต่างตกลงจะให้การสนับสนุนการลงทุนทางตรง(FDI) ของคู่ภาคี ตลอดจนให้การส่งเสริมคุ้มครองการลงทุน ทั้งการปฏิบัติต่อนักลงทุนทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเป็นธรรม, การชดเชยให้แก่นักลงทุนในกรณีที่มีการเวนคืน และการระงับข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนของคู่ภาคีกับรัฐ อันจะนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนใหม่ และการนำผลกำไรกลับมาลงทุนในรูปแบบที่ยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมายของการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)
"การลงนามในสัญญาครั้งนี้จะช่วยขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนให้มากขึ้น มีเงินทุนหมุนเวียนใหม่ๆ เข้ามา และช่วยสร้างศักยภาพของอาเซียนให้ภูมิภาคอื่นถึงความแข็งแกร่ง" นางพรทิวา กล่าว
รมว.พาณิชย์ คาดว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงนามในครั้งนี้จะช่วยดึงดูดให้นักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมหนักในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนของไทยที่จะไปลงทุนในจีนได้มากขึ้นเช่นกัน โดยแนวโน้มที่ไทยจะเข้าไปลงทุนในจีน คือ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมการเกษตร
ทั้งนี้จีนมียอดการลงทุนสะสมในอาเซียนจนถึงปี 51 คิดเป็นมูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อาเซียนมียอดการลงทุนสะสมในจีนจนถึงปี 51 รวม 5.6 พันล้านดอลลาร์ และจากการลงนามในความตกลงดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนระหว่างอาเซียน-จีนขึ้นอีก 40-60% ภายใน 2 ปีจากนี้
นายไชยา ยิ้มวิไล ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ทางการจีนยังอนุมัติเงินกู้ให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนอีกจำนวน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อใช้สำหรับการลงทุนก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานในอาเซียน อันจะเป็นการขยายการค้าการลงทุนระหว่างจีนและอาเซียนในอนาคต
จีนถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของอาเซียน โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.52) อาเซียนมีมูลค่าการส่งออกไปจีน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของอาเซียน ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า, น้ำมันเชื้อเพลิง, ยางพารา ขณะเดียวกันอาเซียนก็นำเข้าจากจีนเป็นอันดับ 3 คิดเป็นมูลค่า 1.06 แสนล้านดอลลาร์ มีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า, เครื่องจักร, น้ำมันเชื้อเพลิง, เหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก