สบน.วางกรอบบริหารหนี้ 1.6 ล้านลบ.ปีงบ 53,คาดหนี้สาธารณะสูงสุด 57% ปีงบ 56

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 17, 2009 13:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้วางกรอบการบริหารหนี้ภาครัฐปีงบประมาณ 53 วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท โดยมีแผนกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 350,000 ล้านบาท เป็นการกู้เงินใหม่ 850,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการกู้เงินเพื่อบริหารจัดการหนี้

อนึ่ง ในปีงบประมาณ 53 จะไม่มีการกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลัง เนื่องจากได้มีการชดเชยเงินคงคลังแล้วในปีงบประมาณ 52 และจะมีการกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังอีกครั้งในปีงบประมาณ 54

อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง ได้มอบนโยบายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)จัดทำกรอบการบริหารหนี้ปีงบประมาณ 53 ให้ลดลงจากกรอบเดิม เนื่องจากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการก่อหนี้ต่างประเทศ ซึ่งจะลดลงจากแผนเดิมทั้งในระดับโครงการและระดับนโยบาย ซึ่งจะทำให้แผนการก่อหนี้ภาครัฐลดลงด้วย

"เรามีแผนการลงทุนที่จะเน้นการกู้ในประเทศ เช่น การสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่ทำเรื่องไปถึงกระทรวงคมนาคมแล้วว่าคลังได้จัดเม็ดเงินจากแหล่งในประเทศ รวมถึงการกู้ยืมในเชิงนโยบาย เช่นที่ได้ขอครม.ทบทวนความจำเป็นการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเซีย(เอดีบี)ซึ่งอยู่ในแผนการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ 3 แห่ง วงเงินรวม 70,000 ล้านบาท"นายกรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ สบน.ได้รายงานว่าในปีงบประมาณ 52 แผนการบริหารหนี้ภาครัฐ ได้ลดลงจากวงเงินเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.3 ล้านล้านบาท เหลือ 1.13 ล้านล้านบาท เนื่องมาจากรัฐวิสาหกิจมีการลงทุนไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า จากการที่รัฐบาลมีแผนการกู้เงินทั้งการบริหารหนี้ตามปกติและการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก. และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจวงเงิน 8 แสนล้านบาท คาดว่าจะทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ระดับสูงสุดที่ 57% ในปีงบประมาณ 56 ต่ำกว่าสมมติฐานเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 61% เนื่องจากเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และภาระหนี้ต่องบประมาณ อยู่ที่ 15% ขณะที่ปีงบประมาณ 58 การจัดทำงบประมาณจะเข้าสู่ภาวะสมดุล

ทั้งนี้ ได้มีการตั้งสมมติฐานประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 52 ติดลบ 3.5% และจะกลับเป็นบวกในปี 53 ที่ 2.5% จากนั้นในปี 55 การขยายตัวของเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะปกติที่ 4.5-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปี 57 จะสูงถึง 3.5% ซึ่งอาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ตั้งข้อสังเกตว่าคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวสูงเกินไป

"แม้จะคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะต่อจีดีพีระดับสูงสุดจะลดลงเหลือ 57% ในปีงบประมาณ 56 แต่คลังและธปท.ยังไม่เชื่อตัวเลขที่ทำมา โดยมีการวิพากวิจารณ์กันมากและได้ฝากให้กลับไปพิจารณาว่าสมมติฐานเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อาจจะกระทบต่อ Norminal GDP ให้ลดลงได้และจะทำให้หนี้สาธารณสูงขึ้น" รมว.คลัง กล่าว

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(18 ส.ค.)กระทรวงการคลังจะเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่ต้องใช้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ มูลค่าโครงการลงทุน 2 แสนล้านบาท และจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 52 ที่คาดการณ์ว่าจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อชดเชยเงินคงคลัง อาจน้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะนำเงินส่วนที่เหลือใช้เพื่อการลงทุน และจะได้นำเสนอที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ