นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า มอบนโยบายให้กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจและ/หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นต่ำกว่า 50% เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว
โดยเฉพาะโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2555 ที่รัฐวิสาหกิจมีวงเงินลงทุน จำนวน 5.08 แสนล้านบาท แบ่งเป็นโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมในการดำเนินการในช่วงปี 2552-2553 จำนวน 3.64 แสนล้านบาท ขณะที่ยังมีงบลงทุนประจำปีตามปกติของรัฐวิสาหกิจอีกประมาณ 300,000 ล้านบาท จึงคาดว่าปีงบประมาณ 52 การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสหกิจจะอยู่ที่ 85% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
นอกจากนี้ ได้ติดตามและดำเนินการตามแผนการเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันมีคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเพื่อทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนและกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับแผนยุทธศาสตร์และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
"ขอให้ผู้แทนกระทรวงการคลังติดตามผลตามมาตรการดังกล่าวและรายงานกระทรวงการคลังทราบเป็นระยะ และยังให้ความชัดเจนของบทบาทและทิศทางของรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้น ผู้แทนกระทรวงการคลังและคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต้องทบทวนแผลกลยุทธ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับทิศทางตามแนวนโยบายผู้ถือหุ้นภาครัฐ(SOD) ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนหรือมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาด้านการเงิน ขอให้พยายามกำหนดแผนพลิกฟื้นตามสถานการณ์" นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ได้ขอให้ผู้แทนกระทรวงการคลังกำกับดูแลผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อเงินนำส่งรายได้เข้าคลัง และรัฐวิสาหกิจใดที่มีเงินสดคงเหลือมากและไม่จำเป็นต้องลงทุน กระทรวงการคลังจะเรียกเก็บเงินนำส่งรายได้เข้าคลังเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในเอกสารงบประมาณประจำปี ซึ่งสามารถทำให้ลดภาระในด้านภาษี และลดการกู้เงิน
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า รมว.คลังได้มอบนโยบายสำคัญให้รัฐวิสาหกิจอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ และประชาชนจะได้รับบริการที่ดีขึ้น โดยจัดทำแผนยุทธศาสตร์การลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย
นอกจากนี้ได้กำชับเกี่ยวกับการนำส่งรายได้เข้าคลังของรัฐวิสาหกิจ ที่มีปีละ 90,000-100,000 ล้านบาท แต่หากผลประกอบการของรัฐวิสาหกิตจออกมาไม่ได้ จะกระทบต่อการนำส่งรายได้เข้าคลังด้วย ดังนั้น รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจึงต้องพิจารณาแนวทางการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย
"ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุน หากเบิกจ่ายได้เฉลี่ย เดือนละ 20,000 ล้านบาท ทั้งปีน่าจะเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 85% ถือว่าน่าพอใจแม้จะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 90%...รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาเบิกจ่ายมากสุดคือกลุ่มขนส่ง ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย" นายอารีพงศ์ กล่าว