นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 18-21 ส.ค.กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำคณะผู้บริหารของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI), สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) และภาคเอกชนกว่า 50 ราย ในสาขาอาหาร, ข้าว, ยางพารา และอื่นๆ เดินทางไปร่วมชักจูงการลงทุนที่นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน
นอกจากนี้จะเดินทางไปเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุน ณ นครกวางโจว ซึ่งนับเป็นสำนักงานแห่งที่ 12 ของบีโอไอ เพื่อให้สามารถดำเนินการชักจูงการลงทุนและจัดกิจกรรมเชิงรุก ช่วยอำนวยความสะดวก และให้ข้อมูลสำคัญ เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า บีโอไอจะจัดการสัมมนาในหัวข้อ"Thailand Means Business"เพื่อชี้แจงรายละเอียด และแนวนโยบายการปรับปรุงเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยในกิจการประเภทต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแก่นักธุรกิจจีน
พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยที่เดินทางไปครั้งนี้กับนักธุรกิจที่เป็นสมาชิกของสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลกในสาขาอาหาร, ข้าว, ยางพารา, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์, พลาสติก, วัสดุตกแต่งภายใน, อสังหาริมทรัพย์, การบริการและท่องเที่ยว คาดว่าจะก่อให้เกิดความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันในอนาคต หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้เมื่อเดือนปลายเดือน ก.ค.52 มีการจับคู่ธุรกิจถึง 42 คู่ ก่อให้เกิดการค้าและการลงทุนร่วมกันแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า จีนเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญที่บีโอไอจะเร่งดึงดูดการลงทุนให้เข้ามาประเทศไทย จากศักยภาพของประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและมีขนาดตลาดใหญ่ โดยมีจำนวนประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน ซึ่งการเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุนแห่งใหม่ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของไทยที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนจากจีนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการลงทุนจากจีนที่เข้ามาในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.52)มีโครงการที่ยื่นขอส่งเสริม 10 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 7 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 180 ล้านบาท