ผลสำรวจความคิดเห็นของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่อาจจะชะลอการปล่อยกู้ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า อย่างไรก็ตาม ธนาคารส่วนใหญ่ยังไม่ต้องการเพิ่มข้อกำหนดในการปล่อยกู้ในระยะนี้
ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า ธนาคารส่วนใหญ่จะชะลอการปล่อยกู้ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า แต่ 20% ของธนาคารที่เฟดทำการสำรวจได้เพิ่มข้อกำหนดการปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านให้กับลูกค้าชั้นดี นอกจากนี้ 35% ของธนาคารในสหรัฐจะเพิ่มมาตรฐานการปล่อยกู้สำหรับผู้ใช้บัตรเครดิต ลดลงจากระดับ 60% ในไตรมาสแรก และลดลงจากระดับ 65% ของปีที่แล้ว
โจเซฟ ลาวอร์ยา หัวหน้านักวิเคราะห์จากดอยช์ แบงค์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า "ผลสำรวจครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าภาวะสินเชื่อในสหรัฐยังคงตึงตัวต่อไป เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงิน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะขัดขวางเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวช้าลง"
บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp : FDIC) รายงานว่า ทางการสหรัฐได้ดำเนินการยึดกิจการธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่งในประเทศ ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยและอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้จำนวนธนาคารที่ถูกยึดในสหรัฐปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 69 ราย และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นอีก
FDIC ระบุว่า ธนาคาร 5 แห่งที่ถูกยึดครั้งสุดได้แก่ มิวชวล แบงค์ ออฟ ฮาร์วีย์ ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งสินทรัพย์ 1.6 พันล้านดอลลาร์, พีเพิลส์ คอมมูนิตี้ส์ แบงค์ ในรัฐโอไฮโอ มีทรัพย์สิน 05. ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีธนาคาร เฟิร์สท์ แบงค์อเมริกาโน ในรัฐนิว เจอร์ซี, อินทริกิตี้ แบงค์ ในรัฐฟลอริด้า และเฟิร์สท์ สเตท แบงค์ ในรัฐโอกลาโฮมา เอพีรายงาน