นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจทรุดลงอีก แม้ตอนนี้ปัจจัยต่างๆ จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวก็ตาม
โดยปัจจัยบวกต่างๆ ประกอบด้วย ตัวเลขจีดีพีสหรัฐที่หดตัวเพียง 1% ในไตรมาส 2 และยอดขายรถที่เพิ่มขึ้น 15% ในเดือนก.ค. ส่วนราคาบ้านก็ขยับขึ้น 0.5% ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. ในขณะที่ผู้ผลิตรายงานว่ามียอดสั่งซื้อสินค้าเข้ามามากขึ้น
เมื่ออ้างอิงจากข้อมูลทางเศรษฐกิจดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าเศรษฐกิจใกล้ฟื้นตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บางคนเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น
แทด เดอฮาเวน นักวิเคราะห์จากสถาบัน CATO ในวอชิงตันดีซี กล่าวว่า เศรษฐกิจอาจดีดตัวขึ้นก็จริง แต่คงเพียงแค่เล็กน้อยและในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
"เศรษฐกิจอาจดีดตัวเล็กน้อยและเคลื่อนไหวอย่างเรื่อยๆ หรืออาจดีดตัวก่อนที่จะทรุดลงอีกครั้ง" เขากล่าว พร้อมระบุว่าปัญหาคือการที่รัฐบาลเน้นใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้น ซึ่งไม่มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างนโยบายรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ก็อาจกระตุ้นยอดขายรถได้เพียงระยะสั้น และเมื่อเงินทุนหมดโครงการก็ต้องพับไป
นอกจากนั้นยังมีปัญหาเศรษฐกิจอีกมากที่จะส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างปัญหาตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงและการกู้ยืมเงินที่มีมากเกินไป
"ที่สำคัญคือ หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถแก้ปัญหาได้จริง ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐก็น่าจะเฟื่องฟูแล้วมิใช่หรือ" เขากล่าว
ในขณะเดียวกัน ดีน เบเกอร์ ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์วิจัยนโยบายและเศรษฐกิจในวอชิงตันดีซี กล่าวว่า "ผมไม่ได้ประทับใจกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเลย"
เขากล่าวว่า ตัวเลขการลงทุนและการส่งออกเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยดึงเศรษฐกิจขึ้นจากภาวะถดถอย แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าตัวเลขดังกล่าวดีขึ้น ส่วนอัตราว่างงานที่พุ่งสูงก็จะยังกดดันตลาดต่อไป
อย่างไรก็ตาม โรเบิร์ท จอห์นสัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจจากมอร์นิงสตาร์ แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
"เราไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนว่าทิศทางเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร หากรัฐบาลตัดสินใจผิดพลาดก็จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว แต่เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมา ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจระยะยาวน่าจะขยายตัว 3%" จอห์นสัน กล่าว พร้อมเผยว่าหากเศรษฐกิจฝรั่งเศสและเยอรมนีดีดตัวก็จะเป็นผลดีต่อการส่งออกของสหรัฐ ซึ่งเมื่อรวมปัจจัยทุกอย่างเข้าด้วยกัน เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน สำนักข่าวซินหัวรายงาน