นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้เห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 10 ปี เพื่อนำไปใช้ในโครงการลงทุนตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) จากฐานข้อมูลที่ได้ลงในระบบ E-Budgeting ที่มีวงเงินลงทุน 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินต่อจากการที่กระทรวงการคลังเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทไปแล้ว
ทั้งนี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การที่กระทรวงการคลังจะกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์นั้น อยากให้มีการเจรจาเพื่อขอเงื่อนไขการกู้เงินแบบพิเศษ เนื่องจากการกู้เงินของกระทรวงการคลังถือว่าไม่มีความเสี่ยง
นอกจากนี้ ภายใต้กรอบเงินกู้ตาม พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงินรวม 8 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังควรจะวางกรอบแผนการจัดหาแหล่งเงินกู้ดังกล่าวรายงานให้ครม.รับทราบอย่างชัดเจนก่อน
นอกจากนี้ ครม.ได้รับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด จำนวน 3 รุ่น วงเงิน 41,700 ล้านบาท ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ปีงบ 49 จำนวน 24,500 ล้านบาท, พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ปีงบ 50(ครั้งที่ 3) วงเงิน 6,700 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ปีงบประมาณ 50(ครั้งที่ 4) วงเงิน 10,500 ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระคืนต้นเงินพันธบัตรทั้ง 3 รุ่น จำนวน 11,700 ล้านบาท และกระทรวงการคลังจะได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลจำนวน 30,000 ล้านบาทต่อไป